กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ลาซารัส กรุ๊ป (Lazarus Group) ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ เป็นผู้จารกรรมเงินคริปโทเคอร์เรนซีมูลค่ากว่า 600 ล้านดอลลาร์จากบล็อกเชนโรนิน บริดจ์ (Ronin Bridge) ซึ่งเป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่ให้บริการเกมออนไลน์ "Axie Infinity"
สำนักงานควบคุมทรัพย์สินในต่างประเทศ (OFAC) ซึ่งเป็นองค์กรของกระทรวงการคลังสหรัฐได้ประกาศคว่ำบาตรอีเธอร์เรียมวอลเลทของลาซารัส กรุ๊ปแล้ว เพื่อตอบโต้การกระทำของกลุ่มแฮกเกอร์เกาหลีเหนือรายนี้
ทางด้านสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ของสหรัฐได้ออกรายงานยืนยันเช่นกันว่า จากการสอบสวนของ FBI พบว่า ลาซารัส กรุ๊ป ได้จารกรรมเงินคริปโทเคอร์เรนซีมูลค่ากว่า 600 ล้านดอลลาร์ไปจากบล็อกเชนโรนิน บริดจ์ เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา
นายยัต ซิว ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงคริปโทเคอร์เรนซี และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทอะนิโมคา แบรนด์ส (Animoca Brands) กล่าวว่า การจารกรรมครั้งนี้ แฮกเกอร์สามารถขโมยเหรียญอีเธอร์ออกจากโรนิน บริดจ์ จำนวน 173,600 เหรียญ และเหรียญ USDC จำนวน 25.5 ล้านเหรียญ และสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของบริดจ์ (Bridge) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถโอนคริปโทเคอร์เรนซีจากบล็อกเชนหนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้
ทั้งนี้ นายซิวกล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์จารกรรมเงินคริปโทเคอร์เรนซีครั้งใหญ่ที่สุด และยังแสดงให้เห็นว่า บริดจ์มักจะมีช่องโหว่ที่ก่อให้เกิดปัญหา นอกจากนี้ รหัสเข้าคอมพิวเตอร์จำนวนมากที่ไม่มีการปรับปรุงแก้ไข ก็อาจกลายเป็นจุดอ่อนให้แฮกเกอร์โจมตีได้
ข้อมูลจากบริษัทเชนอนาไลซิส (Chainanalysis) ซึ่งเป็นผู้ติดตามเส้นทางการทำธุรกรรมของเงินดิจิทัล ระบุว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลาซารัส กรุ๊ป ได้จารกรรมคริปโทเคอร์เรนซีไปแล้วมูลค่ากว่า 1,750 ล้านดอลลาร์ และเชื่อว่าแฮกเกอร์รายนี้มีความเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์หลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการแฮกข้อมูลของบริษัทโซนี่ พิกเจอร์ ในปี 2557
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์กล่าวว่า เกาหลีเหนือพยายามใช้คริปโทเคอร์เรนซีเป็นช่องทางในการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐในหลายโอกาส และมีความเป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนืออาจใช้คริปโทเคอร์เรนซีเพื่อช่วยเหลือรัสเซียในการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรในระหว่างการทำสงครามกับยูเครนเช่นกัน