กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า การซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่พุ่งขึ้นในตลาดเกิดใหม่อาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโลก
ทั้งนี้ IMF เปิดเผยในรายงานเกี่ยวกับเสถียรภาพการเงินโลกในวันอังคาร (19 เม.ย.) ว่า สงครามในยูเครนกำลังแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงของระบบการชำระเงินด้วยคริปโทฯ
IMF ระบุว่า การที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนและการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียตามมานั้น ยังคงส่งผลกระทบไปทั่วโลก และจะทดสอบความยืดหยุ่นของระบบการเงินผ่านช่องทางต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการเร่งเปลี่ยนไปใช้คริปโทฯ (cryptoization) ในตลาดเกิดใหม่, ความเสี่ยงทั้งทางตรงและทางอ้อมของธนาคารและสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร รวมถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไซเบอร์ที่อาจจะเกิดขึ้น
IMF เปิดเผยว่า การใช้คริปโทฯ เพิ่มขึ้นในตลาดเกิดใหม่นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์คริปโทฯ เมื่อเทียบกับสกุลเงินของตลาดเกิดใหม่บางสกุลนั้น ได้พุ่งทะยานขึ้นนับตั้งแต่ชาติตะวันตกทำการคว่ำบาตรรัสเซีย
นอกจากนี้ IMF ยังเปิดเผยว่า แม้การซื้อขายคริปโทฯ ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากบรรดานักเก็งกำไร แต่การเปลี่ยนไปใช้คริปโทฯ ในการชำระเงินนั้น อาจสร้างปัญหาให้กับบรรดาผู้กำหนดนโยบาย
สงครามในยูเครนได้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงของระบบการชำระเงินด้วยคริปโทฯ ซึ่งใช้เครือข่ายแบบกระจายศูนย์ (decentralized)
การขาดระบบการชำระเงินแบบรวมศูนย์ (centralized payment system) ทำให้ยากต่อการติดตามกิจกรรมที่ผิดกฎหมายสำหรับคริปโทฯ และยากต่อการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการชำระเงินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น
IMF ระบุเตือนด้วยว่า ตลาดคริปโทฯ ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตร หรือทำการตรวจสอบกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอย่างเหมาะสมนั้น อาจถูกใช้เพื่อหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร
ขณะเดียวกัน การใช้เทคโนโลยีคริปโทฯ จะเพิ่มความลับของการทำธุรกรรม ซึ่งจะทำให้การทำข้อตกลงใด ๆ นั้นถูกปกปิดได้ง่ายมากขึ้น
ด้านนางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐเปิดเผยต่อคณะกรรมการด้านบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อต้นเดือนเม.ย.นี้ว่า สหรัฐกำลังเฝ้าติดตามดูว่า คริปโทฯ กำลังถูกใช้เพื่อหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรหรือไม่ แม้นางเยลเลนระบุว่า ทางกระทรวงฯ ยังไม่เห็นการหลบเลี่ยงดังกล่าวแต่อย่างใดก็ตาม