นายเดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลกได้ออกมากล่าวเมื่อวันพุธ (20 เม.ย.) ว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งให้ราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้นและกระทบกลุ่มคนยากไร้มากที่สุด พร้อมเตือนว่า วิกฤตการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหารครั้งนี้จะกินเวลาหลายเดือนและอาจยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้า
"โดยส่วนใหญ่แล้วสงครามในยูเครนและผลลัพธ์จากสงครามครั้งนี้กำลังสร้างแรงกดดันต่อกลุ่มคนยากจนทั่วโลก" นายมัลพาสกล่าวระหว่างการประชุมประจำฤดูใบไม้ผลิ 2565 ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก
สำนักข่าวซินหัวเปิดเผยถ้อยแถลงของนายมัลพาสว่า ราคาอาหารปรับตัวขึ้นแล้ว 37% เมื่อเทียบรายปี และปรับตัวขึ้นมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นมาตรวัดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนยากไร้เพียงใด โดยพวกเขาใช้จ่ายเงินซื้ออาหารมากกว่าภายในงบประมาณรายวันของพวกเขา
นายมัลพาสระบุว่า ภาวะขาดแคลนอาหาร พลังงานและปุ๋ย ซึ่งสำคัญสำหรับวัฏจักรการเพาะปลูก "กำลังสร้างวิกฤตการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหาร ซึ่งจะกินเวลานานอย่างน้อยหลายเดือนและอาจจะยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้า"
"ปัญหาเรื่องอาหารมีความรุนแรง...ราคาที่แพงขึ้นส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนที่มีฐานะยากไร้ที่สุด ดังนั้น ปัญหาดังกล่าวจึงส่งผลกระทบต่อประชาชนในประเทศยากจน และโดยเฉพาะกลุ่มคนที่อยู่ในพื้นที่ชนบทรุนแรงที่สุด นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มว่าประชาชนจะหันไปหาอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำลง หากไม่มีทางเลือกอื่น" นายมัลพาสกล่าว
นายมัลพาสกล่าวว่า ธนาคารโลกจะจัดสรรงบประมาณอุดหนุนวงเงิน 1.7 แสนล้านดอลลาร์ตลอดช่วง 15 เดือนข้างหน้าเพื่อช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการจัดสรรเงินช่วยเหลือก้อนใหญ่ที่สุดของธนาคารโลก
ส่วนในประเด็นวัคซีน นายมัลพาสระบุว่า ธนาคารโลกจะจัดสรรงบประมาณ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในโครงการวัคซีนใน 81 ประเทศภายในสิ้นเดือนมิ.ย.