นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาแสดงความคิดเห็นในการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทเมื่อวานนี้ (20 เม.ย.) ว่า อัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงอาจเลวร้ายกว่าตัวเลขที่ทางการรายงาน และมีแนวโน้มว่าภาวะดังกล่าวจะดำเนินต่อไปตลอดปี 2565
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (19 เม.ย.) ว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งขึ้น 8.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี เนื่องจากวิกฤตรัสเซียบุกยูเครนผลักดันให้ราคาพลังงานสูงขึ้น
ความเห็นของนายมัสก์มีขึ้น หลังนักวิเคราะห์ตั้งคำถามเกี่ยวกับการขึ้นราคารถเทสลาเมื่อเร็ว ๆ นี้ รวมถึงแผนการของเทสลาที่จะบรรลุเป้าหมายในการขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% (EV) ให้กับมวลชนส่วนใหญ่ เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
นายมัสก์กล่าวว่า เทสลาต้องการอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้รถ EV มีราคาย่อมเยาที่สุด แต่ว่าอาจทำได้ยากในภาวะที่เศรษฐกิจมหภาคมีการเปลี่ยนแปลง
"ผมคิดว่าตัวเลขเงินเฟ้อของทางการนั้นต่ำกว่าความเป็นจริง และดูเหมือนว่าภาวะเงินเฟ้อจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างน้อย ๆ ก็ตลอดทั้งปีนี้" นายมัสก์กล่าว พร้อมเสริมว่า ในบางกรณี ซัพพลายเออร์ของเทสลาขอเพิ่มราคาต้นทุนชิ้นส่วนรถยนต์ขึ้นถึง 20-30% ตั้งแต่ปี 2564 ถึง 2565
"สิ่งที่ช่วยกดต้นทุนได้อย่างน้อยในช่วงสั้น ๆ ก็คือ เราได้ทำสัญญาตรึงราคาไว้กับทางซัพพลายเออร์ ซึ่งแน่นอนว่า สัญญาเหล่านี้จะหมดลงในที่สุด และเราจะเริ่มเห็นต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก" นายมัสก์กล่าวเตือน