สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการกลางด้านการเงินและเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) โดยเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพยายาม "สุดกำลัง" ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยโครงการต่าง ๆ ที่เสนอนั้นมีตั้งแต่ระบบทางน้ำและทางรถไฟ ไปจนถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง
นายหลี่เชิ่ง หวัง และทีมนักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า "การประชุมครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้กำหนดนโยบายของจีนนั้นตระหนักดีว่า การเติบโตที่แข็งแกร่งของประเทศเผชิญอุปสรรคจากมาตรการสกัดโควิด-19 และการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจีนจึงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมาตรการผ่อนคลายทางนโยบายมากขึ้น"
"เราเชื่อว่าการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานควรจะเป็นเครื่องมือทางนโยบายที่สำคัญอย่างหนึ่งในการรักษาเสถียรภาพของการเติบโต" ทีมนักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์กล่าว พร้อมคาดการณ์ว่าการส่งออกจะชะลอตัวลง การลงทุนภาคเอกชนจะอ่อนแอ และนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) จะยังคงมีผลบังคับใช้เกือบทั้งปี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคและภาคบริการ
นายไมเคิล เพตทิส ศาสตราจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวว่า "ปัญหาคือ ยิ่งประเทศเติบโตโดยต้องพึ่งพาการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานจากรัฐบาลเป็นหลักมากเท่าไร ก็ยิ่งเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้นเท่านั้น"