ราคาสัญญาน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลืองที่มีการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์กัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียพุ่งขึ้นในวันนี้ ก่อนที่มาตรการระงับการส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียจะมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ ราคาสัญญาน้ำมันปาล์มงวดส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 5.4% แตะระดับ 6,743 ริงกิต/ตันในวันนี้ ขณะที่สัญญาน้ำมันถั่วเหลืองดีดตัวขึ้น 1.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
รัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมระงับการส่งออกน้ำมันปาล์มในวันพรุ่งนี้ ตามที่ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำมันปรุงอาหารในประเทศ และแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเมือง หลังจากที่กลุ่มนักศึกษาได้ออกมาชุมนุมในหลายเมืองเพื่อขับไล่รัฐบาล เนื่องจากมองว่าประสบความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง ซึ่งรวมถึงน้ำมันปาล์ม
ผลการสำรวจของ Indikator Politik Indonesia พบว่า คะแนนนิยมของปธน.วิโดโดได้ตกต่ำลงเหลือเพียง 59.9% ในเดือนเม.ย. จากเดิมที่พุ่งแตะระดับ 75.3% ในช่วงต้นปีนี้
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า ผู้ถูกสำรวจมากกว่า 60% ต้องการให้รัฐบาลยุติการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อแก้ไขปัญหาราคาแพง และการขาดแคลนภายในประเทศ
ปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นได้ทำให้ปธน.วิโดโดประกาศระงับการส่งออกน้ำมันปาล์มเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 เม.ย. และไม่มีการระบุระยะเวลาของการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าว
ปธน.วิโดโดกล่าวว่า รัฐบาลจะยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกดังกล่าวก็ต่อเมื่อสถานการณ์การขาดแคลนน้ำมันปาล์มในประเทศได้บรรเทาลง
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีปริมาณคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก
การประกาศระงับการส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก และทำให้ราคาน้ำมันพืชประเภทอื่นต่างพุ่งขึ้น ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการขาดแคลนสินค้าในตลาด
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียออกมาชี้แจงในเวลาต่อมาว่า คำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มที่มีการประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะมีผลบังคับใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มโอเลอิน ซึ่งได้จากการนำน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์มาผ่านกระบวนการฟอกสี ขจัดกลิ่น และลดกรดไขมันอิสระ (RBD olein) เท่านั้น แต่จะไม่รวมถึงการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบแต่อย่างใด ซึ่งได้ช่วยคลายความกังวลในตลาดจากเดิมที่วิตกว่าอินโดนีเซียจะระงับการส่งออกน้ำมันปาล์มทุกประเภท