ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2565 เนื่องจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจจีน
ทั้งนี้ ฟิทช์คาดการณ์ว่า GDP ปี 2565 ของจีนจะขยายตัวเพียง 4.3% ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.8% โดยระบุว่า มาตรการล็อกดาวน์เมืองสำคัญ ซึ่งรวมถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนหดตัวลงอย่างมากในเดือนเม.ย. และมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงอีก เนื่องจากจีนยังคงเดินหน้าปิดโรงงานและควบคุมการเดินทาง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานย่ำแย่ลงไปอีก
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคการผลิตเดือนเม.ย.ของจีนร่วงลงสู่ระดับ 47.4 จากระดับ 49.5 ในเดือนมี.ค. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการทรุดตัวลงสู่ระดับ 41.9 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 48.4 ในเดือนมี.ค. โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่า ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของจีนเผชิญภาวะหดตัว
ฟิทช์คาดการณ์ว่า รัฐาลจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid Policy) ต่อไปจนถึงปี 2566 แต่คาดว่านโยบายที่เข้มงวดนี้จะไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดระลอกใหม่ได้ในระเวลาอันรวดเร็ว และมีแนวโน้มว่าจีนจะเลื่อนเวลาการผ่อนคลายมาตรการควบคุมที่บังคับใช้ในปัจจุบันออกไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
นอกจากนี้ ฟิทช์คาดว่า รัฐบาลจีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการเร่งลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน, ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)
"อย่างไรก็ดี เราคาดว่าจีนจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากนักในช่วงเวลาที่ธนาคารกลางอื่น ๆ ทั่วโลกเริ่มคุมเข้มนโยบายการเงิน เนื่องจากจีนกังวลว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไปจะส่งผลให้เม็ดเงินทุนไหลออกนอกประเทศ" ฟิทช์กล่าว