ราคาหุ้นสตาร์บัคส์พุ่งขึ้น 5.11% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้าวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2565 พุ่งขึ้น 14.5% แตะที่ 7.64 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.6 พันล้านดอลลาร์
ส่วนกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 59 เซนต์ ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
สำหรับปัจจัยที่ช่วยหนุนกำไรและรายได้ของสตาร์บัคส์นั้น มาจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในสหรัฐ ซึ่งสามารถชดเชยยอดขายที่ชะลอตัวลงในประเทศจีน นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ยังประกาศลงทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ในปีงบการเงิน 2565 ซึ่งครอบคลุมถึงการปรับขึ้นค่าจ้าง, การฝึกฝนพนักงาน และการปรับปรุงร้าน
อย่างไรก็ดี สตาร์บัคส์ได้ระงับการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีงบการเงิน 2565 เนื่องจากการล็อกดาวน์เมืองต่าง ๆ ของจีน อาจส่งผลให้แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทเผชิญกับความไม่แน่นอน
ในช่วงปลายปี 2564 สตาร์บัคส์ได้สั่งตรวจสอบร้านค้ากว่า 5,400 สาขาในจีน หลังจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงานว่า ร้านสตาร์บัคส์ 2 สาขาในเมืองอู๋ซี ทางตะวันออกของจีน ใช้ส่วนผสมที่หมดอายุในการผลิตเครื่องดื่ม ซึ่งละเมิดกฎความปลอดภัยด้านอาหาร
โลกอินเทอร์เน็ตของจีนได้มีการเผยแพร่ภาพของพนักงานรายหนึ่งที่พยายามแกะสติ๊กเกอร์วันหมดอายุออกจากขวดซอสช็อกโกแลต และนำสติ๊กเกอร์ใหม่มาปิดทับ ขณะที่ร้านค้าอีกแห่งมีการขายจำหน่ายเบเกอรี่และโกโก้นิบส์ (Cocoa Nibs) ที่หมดอายุ
เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากบนเว่ยป๋อ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีนที่ให้บริการในลักษณะคล้ายทวิตเตอร์ โดยมีผู้ชมคลิปดังกล่าวมากถึง 270 ล้านครั้ง