นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีแนวโน้มที่สดใส เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี และการที่จีนยังคงล็อกดาวน์เมืองสำคัญเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น จะทำให้ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะนำเงินเข้ามาพักไว้ในขณะนี้
นักลงทุนต่างก็คาดหวังว่าตลาดหุ้นเอเชียจะได้ประโยชน์จากการที่หลายประเทศเริ่มเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยมีรายงานว่ายอดการจองตั๋วเดินทางท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากหลายประเทศในเอเชีย ซึ่งรวมถึง ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว
อเล็กซานเดอร์ เทรเวส หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านการลงทุนตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกของบริษัทเจพีมอร์แกน แอสเซท แมเนจเมนท์กล่าวว่า ตลาดหุ้นเอเชียได้รับความสนใจจากนักลงทุนเสมอมา และเมื่อพิจารณาจากปัจจัยตามวัฏจักรแล้ว การที่เศรษฐกิจเอเชียกำลังฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะยิ่งทำให้ตลาดหุ้นของประเทศกลุ่มนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น
นักวิเคราะห์ยังกล่าวด้วยว่า นักลงทุนเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนผลักดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ การที่มาเลเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของเอเชีย ขณะที่อินโดนีเซียเป็นผู้ส่งออกถ่านหิน, น้ำมันปาล์ม และก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของเอเชีย ก็ยิ่งเป็นปัจจัยหนุนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเหล่านี้ด้วย
รายงานระบุว่า ตลาดหุ้นอินโดนีเซียทำสถิติแห่งชาติที่สุดในเอเชียปีนี้ โดยดัชนี Jakarta Composite Index พุ่งขึ้นเกือบ 10% และยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มที่จะทำสถิติแข็งแกร่งในดัชนี MSCI All Country World Index ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สอง