ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 400 จุดช่วงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.ของสหรัฐในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐ
ณ เวลา 09.39 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลง 403 จุด หรือ -1.23% แตะที่ 32,406 จุด
-- นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนเม.ย.ในวันพุธนี้ โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นหนึ่งในปัจจัยที่คณะกรรมการเฟดใช้ประกอบการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายการเงิน
ส่วนดัชนี CPI เดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 8.5% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2524 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.4%
-- ราคาบิตคอยน์ร่วงหลุดจากระดับ 35,000 ดอลลาร์ในช่วงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะฉุดสภาพคล่องในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึงตลาดคริปโทเคอร์เรนซี
ณ เวลา 06.24 น.ตามเวลาไทย ราคาบิตคอยน์ร่วงลง 3.48% แตะที่ระดับ 34,200.64 ดอลลาร์
บิตคอยน์ร่วงลงตามตลาดทิศทางหุ้นสหรัฐ หลังจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว
-- ผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมทั้ง 7 หรือ G7 ได้ออกมาให้คำมั่นสัญญาว่าจะสั่งห้ามหรือยุติการนำเข้าน้ำมันรัสเซีย ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดในการกดดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน
แถลงการณ์ของ G7 ในวันอาทิตย์ (8 พ.ค.) ระบุว่า "เราให้คำมั่นสัญญาว่าจะยุติการพึ่งพาพลังงานรัสเซียด้วยการยุติหรือสั่งห้ามการนำเข้าน้ำมันรัสเซีย โดยเราจะรับประกันว่าเราสามารถจัดการเรื่องดังกล่าวได้ทันกาลและเป็นระเบียบ พร้อมใช้วิธีการที่จะทำให้โลกมีเวลาเพียงพอในการหาอุปทานทดแทน"
-- อเล็กซานเดอร์ เทรเวส นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีแนวโน้มที่สดใส เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี และการที่จีนยังคงล็อกดาวน์เมืองสำคัญเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น จะทำให้ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะนำเงินเข้ามาพักไว้ในขณะนี้
นักลงทุนต่างก็คาดหวังว่าตลาดหุ้นเอเชียจะได้ประโยชน์จากการที่หลายประเทศเริ่มเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยมีรายงานว่ายอดการจองตั๋วเดินทางท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากหลายประเทศในเอเชีย ซึ่งรวมถึง ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว
-- หนังสือพิมพ์เดลีเมลรายงานว่า นายอีลอน มัสก์ วางแผนปลดพนักงานทวิตเตอร์ 1,000 คนทันทีที่การซื้อทวิตเตอร์เสร็จสมบูรณ์
นายมัสก์จะปลดพนักงานเดิมของทวิตเตอร์จำนวนมาก หลังจากการโอนกิจการเสร็จสิ้นซึ่งจะใช้เวลาราว 6 เดือน แต่หลังจากนั้นภายใน 3 ปีข้างหน้า นายมัสก์คาดว่า จะจ้างพนักงานใหม่จำนวนหลายพันคน ซึ่งจะทำให้ทวิตเตอร์มีพนักงานเพิ่มขึ้นสู่ราว 11,000 คน เพิ่มขึ้นจาก 7,500 คนในปัจจุบัน โดยการจ้างพนักงานใหม่นั้นส่วนใหญ่อยู่ในฝ่ายวิศวกรรม
-- รัฐบาลเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีนประกาศว่า การจัดสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายและวิทยาลัยของเมืองจะถูกเลื่อนออกไปเป็นเวลา 1 เดือน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบล่าสุด
เซี่ยงไฮ้เปิดเผยว่า จะมีนักเรียนกว่า 50,000 คนร่วมสอบเข้าวิทยาลัย ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7-9 ก.ค. ส่วนนักเรียนอีก 110,000 คน จะร่วมสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลาย ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 11-12 ก.ค. ขณะที่การสอบในห้องปฏิบัติการสำหรับวิชาฟิสิกส์และเคมี รวมถึงการสอบฟังในวิชาภาษาต่างประเทศจะถูกยกเลิก
-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยจีนมีกำหนดเปิดเผยยอดนำเข้า, ส่งออก และดุลการค้าเดือนเม.ย., อินโดนีเซียเปิดเผยเงินเฟ้อเดือนเม.ย.และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 และฝรั่งเศสเปิดเผยดุลค้าการเดือนมี.ค.