สำนักข่าว CNBC รายงานว่า มูลค่าตลาดของบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐได้ทรุดตัวลงรวมมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 3 วัน
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นอย่างมากในวันที่ 4 พ.ค. แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในวันดังกล่าว ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยืนยันว่า เฟดไม่มีแผนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.50%
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้ทรุดตัวลงติดต่อกัน 3 วันในวันที่ 5-6 พ.ค. และวันที่ 9 พ.ค. เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนมิ.ย.เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แม้นายพาวเวลกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเฟดไม่ได้พิจารณาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขนาดนั้นก็ตาม
การดิ่งลงของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในช่วง 3 วันดังกล่าวส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐทรุดตัวลงรวมมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยบริษัทแอปเปิลมีมูลค่าตลาดลดลง 2.2 แสนล้านดอลลาร์, ไมโครซอฟท์ลดลง 1.89 แสนล้านดอลลาร์, เทสลาลดลง 1.99 แสนล้านดอลลาร์, แอมะซอนลดลง 1.73 แสนล้านดอลลาร์, อัลฟาเบทลดลง 1.23 แสนล้านดอลลาร์, Nvidia ลดลง 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และเมตา แพลตฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) ลดลง 7 หมื่นล้านดอลลาร์