นักเศรษฐศาสตร์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีในวันจันทร์หน้า (16 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันที่จีนจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการ โดยอัตราดอกเบี้ย MLF ถือเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน
ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ทางการจีนมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดค้าปลีก, การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และอัตราว่างงานประจำเดือนเม.ย. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ข้อมูลเหล่านี้จะออกมาย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดในจีนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และจะกดดันให้ธนาคารกลางจีนเร่งออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
นักเศรษฐศาสตร์ 13 รายจากทั้งหมด 25 รายที่ได้รับการสำรวจโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะคงอัตราดอกเบี้ย MLF ไว้ที่ระดับ 2.85% ขณะที่ 12 รายคาดว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว โดยในจำนวนนี้ มี 5 รายคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับลดลง 0.05%, 6 รายคาดว่าจะปรับลดลง 0.10% และมีเพียงรายเดียวเท่านั้นที่คาดว่าธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.15% สู่ระดับ 2.7%
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนมีกำหนดแถลงมติอัตราดอกเบี้ยนโยบายก่อนที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันจันทร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ข้อมูลเหล่านี้จะออกมาย่ำแย่และสะท้อนถึงผลกระทบจากการที่จีนยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์ในเมืองเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน ตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
ธนาคารกลางจีนหลีกเลี่ยงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ และใช้เครื่องมือใหม่ ๆ เช่นการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจเป็นรายภาคส่วน แต่การดำเนินการดังกล่าวได้สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่พยายามเรียกร้องให้ธนาคารกลางเร่งผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงรุก
อย่างไรก็ดี นายเฉิง ซงเจิน อดีตหัวหน้าสำนักงานสถิติของธนาคารกลางจีนได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การที่ธนาคารกลางจีนปรับลด RRR นั้น จะช่วยให้ธนาคารกลางจีนสามารถรับมือกับความเสี่ยงเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน และจะช่วยลดแรงกดดันช่วงขาลงของเงินหยวนด้วย
"การปรับลด RRR จะช่วยให้จีนมีพื้นที่ในการรับมือกับการที่เฟดปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน โดยเมื่อเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) นั้น จะทำให้ค่าสเปรดอัตราดอกเบี้ยของจีนและสหรัฐปรับแคบลง ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินเก็งกำไร (hot money) ไหลออกจากประเทศจีน" นายซงเจินกล่าว