กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มน้ำหนักการถือครองเงินหยวนและดอลลาร์สหรัฐในตะกร้าสกุลเงิน SDR (Special Drawing Right) ของ IMF โดยได้ปรับเพิ่มน้ำหนักสกุลเงินดอลลาร์ขึ้นสู่ระดับ 43.38% จากระดับ 41.73% และเพิ่มน้ำหนักเงินหยวนสู่ระดับ 12.28% จากระดับ 10.92%
อย่างไรก็ดี IMF ได้ปรับลดน้ำหนักการถือครองสกุลเงินยูโรลงสู่ระดับ 29.31% จากระดับ 30.93%, ปรับลดน้ำหนักเงินเยนลงสู่ระดับ 7.59% จากระดับ 8.33% และปรับลดน้ำหนักเงินปอนด์ลงสู่ระดับ 7.44% จากระดับ 8.09%
คณะกรรมการบริหารของ IMF ระบุในแถลงการณ์ว่า การทบทวนน้ำหนักการถือครองสกุลเงินต่าง ๆ ในตะกร้าสกุลเงิน SDR ของ IMF นั้น พิจารณาจากความคืบหน้าด้านการค้าและตลาดเงินตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปี 2564 นอกจากนี้ คณะกรรมการ IMF ยังเชื่อมั่นว่า นับจนถึงขณะนี้ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการเติบโตของเทคโนโลยีด้านการเงิน (ฟินเทค) ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงต่อตะกร้าสกุลเงิน SDR
ทั้งนี้ IMF ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักเงินหยวนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่คณะกรรมการบริหารของ IMF มีมติอนุมัติให้นำสกุลเงินหยวนเข้ารวมในตะกร้าสกุลเงิน SDR โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 2559 ซึ่งส่งผลให้เงินหยวนได้รับการปรับยกสถานะในเวทีการเงินโลก เทียบเท่ากับดอลลาร์สหรัฐ ปอนด์ ยูโร และเยนซึ่งที่ได้รับอนุมัติให้รวมไว้ในตะกร้า SDR ก่อนหน้านั้น
สำหรับ SDR หรือสิทธิพิเศษในการถอนเงินนั้น คือสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่ทำหน้าที่เหมือนเงินทุนสำรองที่ IMF กำหนดขึ้นในปี 2512 เพื่อให้ประเทศสมาชิกสามารถถือครองสกุลเงินนี้แทนทุนสำรองประเภทอื่นเช่น ทองคำ โดย SDR มีความสำคัญในแง่ของการเพิ่มสภาพคล่องให้กับเศรษฐกิจโลก เนื่องจากสินทรัพย์ SDR สามารถใช้แลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นได้ โดยการขายสินทรัพย์ SDR ของตนให้กับประเทศสมาชิก หรือให้กับประเทศที่มีความเปราะบางทางเศรษฐกิจต่อปัจจัยภายนอกเพื่อเพิ่มทุนสำรองระหว่างประเทศ และทำให้ประเทศดังกล่าวมีความเข้มแข็งต่อปัจจัยภายนอกมากขึ้น