โกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า แม้มูลค่าของตลาดคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลกสูญหายไปกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว และสูญหายไปมากถึง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา แต่คาดว่าผลกระทบที่จะมีต่อความมั่งคั่งของภาคครัวเรือน, การใช้จ่าย และอุปทานด้านแรงงานในสหรัฐนั้น มีแนวโน้มที่จะอยู่แค่ในวงจำกัด
ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ณ วันพฤหัสบดีที่ 19 พ.ค. ภาคครัวเรือนของสหรัฐถือครองสกุลเงินคริปโทฯในอัตราส่วน 1 ใน 3 ของตลาดคริปโทฯทั่วโลก หรือประมาณ 4.23 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่าการทรุดตัวของตลาดคริปโทฯเมื่อไม่นานมานี้ ได้ส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งของภาคครัวเรือนสหรัฐ "ในระดับที่เล็กน้อยมาก" เมื่อเทียบกับมูลค่าความมั่งคั่งสุทธิของภาคครัวเรือนสหรัฐซึ่งอยู่ที่ระดับ 150 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2564
ทั้งนี้ การถือครองคริปโทฯมีสัดส่วนเพียง 0.3% ของมูลค่าความมั่งคั่งสุทธิของภาคครัวเรือนสหรัฐ ดังนั้นการร่วงลงของราคาคริปโทฯเมื่อไม่นานมานี้ทำให้ความมั่งคั่งของภาคครัวเรือนสหรัฐลดลงเพียง 3 แสนล้านดอลลาร์ แต่ในทางกลับกัน การลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนมีสัดส่วนสูงถึง 33% ของมูลค่าความมั่งคั่งสุทธิของภาคครัวเรือน ณ สิ้นปี 2564 ซึ่งการร่วงลงของราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มทำให้ความมั่งคั่งของภาคครัวเรือนลดลงถึง 8 ล้านล้านดอลลาร์
"รูปแบบการวิเคราะห์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ความผันผวนของราคาหุ้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ความมั่งคั่งสุทธิของภาคครัวเรือนเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ความผันผวนของราคาคริปโทฯ ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ การร่วงลงของมูลค่าคริปโทฯ ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อการใช้จ่าย และอุปทานด้านแรงงาน" โกลด์แมน แซคส์ระบุ
โกลด์แมน แซคส์ยังเปิดเผยด้วยว่า โดยทั่วไปแล้ว ความมั่งคั่งที่ลดลงของภาคครัวเรือนจะเป็นแรงกระตุ้นให้คนงานบางส่วนที่ออกจากตลาดแรงงานในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น กลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอีกครั้ง และผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า ความมั่งคั่งที่เกิดจากคริปโทฯ นั้น ไม่มีบทบาทสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่ออุปทานด้านแรงงาน ซึ่งหมายความว่า การร่วงลงของราคาคริปโทฯ ในช่วงที่ผ่านมานั้นแทบจะไม่มีส่วนในการเพิ่มอุปทานแรงงาน