ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐกล่าวในระหว่างการเยือนญี่ปุ่น โดยเตือนว่า สหรัฐจะเข้าแทรกแซงทางทหาร หากจีนพยายามใช้กำลังกับไต้หวัน
"สหรัฐให้คำมั่นที่จะสนับสนุนจุดยืน "จีนเดียว" แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า จีนมีอำนาจที่จะใช้กำลังเพื่อยึดครองไต้หวัน" ไบเดนกล่าวเมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ในเรื่องดังกล่าว
-- สหรัฐกำลังเตรียมฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง เนื่องจากสหรัฐคาดว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะนี้มีผู้ป่วยที่น่าจะเป็นหรือได้รับการยืนยันแล้ว 5 ราย
"เราต้องการเพิ่มการแจกจ่ายวัคซีนให้กับผู้ที่เรารู้ว่าจะเป็นประโยชน์ได้แก่ ผู้ที่เคยติดต่อกับผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง เช่น ผู้ดูแลผู้ป่วย บุคคลที่ติดต่อใกล้ชิดกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคร้ายแรง" เจนนิเฟอร์ แมคควิสตัน เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค (CDC) ของสหรัฐกล่าวในงานแถลงข่าว
-- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อชาวอเมริกันว่า โรคฝีดาษลิงจะไม่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดที่รุนแรงในระดับเดียวกับโรคโควิด-19
"ผมไม่คิดว่ามันจะระบาดและสร้างความกังวลในระดับเดียวกับโควิด-19" ปธน.ไบเดนกล่าว
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนกล่าวว่า สหรัฐมีวัคซีนในปริมาณที่เพียงพอในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง
-- สำนักงานสาธารณสุขของเบลเยียมออกแถลงการณ์ระบุว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงจะต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 21 วัน โดยเบลเยียมนับเป็นประเทศแรกในโลกที่ประกาศกักตัวผู้ที่ตรวจพบเชื้อดังกล่าว
นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการป่วยจากโรคฝีดาษลิงจะต้องเข้ารับการตรวจทางการแพทย์โดยทันที
ทางการเบลเยียมออกแถลงการณ์ดังกล่าว หลังพบผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 4 รายในประเทศ
-- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ส่งสัญญาณยุติการทำสงครามการค้ากับจีนในวันจันทร์ (23 พ.ค.) โดยกล่าวว่า เขากำลังพิจารณาที่จะปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
ปธน.ไบเดนกล่าวว่า เขาจะหารือเรื่องดังกล่าวกับนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนญี่ปุ่น และกลับสู่สหรัฐ
"ผมกำลังพิจารณาเรื่องนี้ โดยเราไม่ได้เป็นผู้กำหนดมาตรการเก็บภาษีดังกล่าว แต่เป็นรัฐบาลชุดที่แล้ว" ปธน.ไบเดนกล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
ทั้งนี้ คำสั่งของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.50 แสนล้านดอลลาร์จะหมดอายุลงโดยอัตโนมัติในวันที่ 6 ก.ค. ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่ารัฐบาลของปธน.ไบเดนจะไม่ขยายระยะเวลาการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าว ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐ
-- นายฟรังซัวส์ วิลเลอรอย เดอ กาลฮาว ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศส กล่าวว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนก.ค.และก.ย.
"ถ้าคุณพิจารณาสิ่งที่คุณคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวเมื่อเช้าวันนี้ คุณจะพบว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างแน่นอน ขณะที่กรรมการ ECB มีความเห็นสอดคล้องกัน" นายวิลเลอรอยกล่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF)
ด้านนางลาการ์ดกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ECB มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะมีค่าเป็นบวกในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3 จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -0.50%
-- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ประกาศเปิดตัวกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิกเพื่อความเจริญรุ่งเรือง (Indo-Pacific Economic Framework for Prosperity : IPEF) ในระหว่างการเดินทางเยือนญี่ปุ่นในวันจันทร์ (23 พ.ค.)
ทั้งนี้ ประเทศที่เข้าร่วมกรอบความร่วมมือ IPEF ได้แก่ สหรัฐ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ บรูไน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) คิดเป็นสัดส่วน 40% ของทั้งโลก
-- รัฐบาลอินโดนีเซียอนุญาตให้มีการส่งออกน้ำมันปาล์มในวันจันทร์ (23 พ.ค.) หลังจากที่ประกาศห้ามส่งออกเป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปรุงอาหารในประเทศ
อย่างไรก็ดี ภาคอุตสาหกรรมระบุว่า การส่งออกน้ำมันปาล์มยังคงไม่สามารถดำเนินการได้ในวันนี้ เนื่องจากยังคงขาดความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์อินโดนีเซียระบุว่า บริษัทต่าง ๆ จะต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มโอเลอิน โดยรัฐบาลจะมอบใบอนุญาตให้แก่บริษัทที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการจำหน่ายน้ำมันปาล์มภายในประเทศตามที่รัฐบาลกำหนด (DMO) โดยใบอนุญาตจะมีอายุ 6 เดือน และบริษัทจะต้องรายงานตัวเลขการส่งออกน้ำมันปาล์มทุกเดือนต่อทางรัฐบาล
ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยในวันนี้ -- เกาหลีใต้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค., ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อียู, อังกฤษ และสหรัฐเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ค.จากเอสแอนด์พี โกลบอล และธนาคารกลางอินโดนีเซียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย