ธนาคารยูบีเอส กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน เชส ปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนสำหรับปีนี้ หลังจากกิจกรรมเศรษฐกิจเดือนเม.ย ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรการสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเพิ่มความยากลำบากให้กับจีนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ยูเอสบีได้ทำการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของจีดีพีจีนสำหรับปี 2565 ลงเหลือ 3% จาก 4.2% เมื่อเทียบรายปี โดยอ้างถึงผลกระทบจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Covid Zero) แม้เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลปรับเปลี่ยนมาตรการจำกัดโควิด-19 ซึ่งช่วยลดภาวะชะงักงันของการขนส่งและห่วงโซ่อุปทาน แต่การฟื้นตัวไม่น่าจะรวดเร็วเหมือนเมื่อปี 2563 เมื่อพิจารณาถึงลักษณะการแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอน
บรรดานักเศรษฐศาสตร์ของยูเอสบี รวมถึง เถา หวัง ระบุว่า "การบังคับใช้มาตรการจำกัดแบบยืดเยื้อและการขาดความชัดเจนด้านกลยุทธ์ในการยกเลิกนโยบายโควิด-19 อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและผู้บริโภค รวมถึงขัดขวางอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้น"
ขณะเดียวกัน เจพีมอร์แกนได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของจีดีพีจีนสำหรับปี 2565 ลงเหลือ 3.7% จาก 4.3% และคาดว่าจะหดตัวลงอย่างหนักในไตรมาสที่ 2 เพราะมาตรการควบคุมโรคโควิด-19
เหล่านักเศรษฐศาสตร์จากเจพี มอร์แกน รวมถึง จู ไห่ปินระบุว่า "เมื่อพิจารณาถึงอัตราการแพร่ระบาดในระดับสูงของไวรัสโอมิครอนและวัคซีนที่มีประสิทธิภาพลดการติดเชื้อต่ำ จีนจำเป็นต้องบังคับใช้มาตรการจำกัดแบบเข้มงวดต่อไป เว้นแต่จะยอมให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่หรือใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น" พร้อมเสริมว่า "จีนมีแนวโน้มจะเผชิญกับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก" ในการเลือกระหว่างการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อไปหรือปล่อยให้ไวรัสโอมิครอนแพร่ระบาด