ธนาคารพาณิชย์ในวอลล์สตรีทได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐระงับการเปิดตัวดอลลาร์ดิจิทัล โดยระบุว่าสกุลเงินดิจิทัลที่สนับสนุนโดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีความเสี่ยงที่จะดึงเม็ดเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ออกจากระบบธนาคาร
สมาคมนายธนาคารสหรัฐ (ABA) และสถาบันนโยบายธนาคาร (BPI) กล่าวว่า สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยเฟด หรือ CBDC นั้นจะกลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับเงินฝากธนาคาร และจะทำให้มีการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจและครัวเรือนน้อยลงด้วย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทั้ง ABA และ BPI เป็นปฏิกิริยาตอบโต้ต่อเอกสารอภิปรายของเฟดที่เผยแพร่เมื่อเดือนม.ค. ซึ่งระบุถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดตัวสกุลเงินดอลลาร์ดิจิทัล
"ดังที่เราได้ประเมินแนวโน้มผลกระทบของการออก CBDC เป็นที่ชัดเจนว่าประโยชน์ของ CBDC ตามคำกล่าวอ้างนั้นมีความไม่แน่นอนและไม่น่าจะเกิดขึ้นจริงได้ ขณะที่ความเสียหายนั้นรุนแรงและเป็นของจริง" ABA ระบุในจดหมายลงวันที่ 20 พ.ค.ถึงเฟด
ทั้งนี้ CBDC กลายเป็นประเด็นร้อนในรัฐบาลสหรัฐ เนื่องจากตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเติบโตขึ้นจนมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ และหน่วยงานกำกับดูแลและผู้บัญญัติกฎหมายต่างก็รู้สึกกังวลกับเหรียญสเตเบิลคอยน์
ด้านทำเนียบขาวระบุในคำสั่งฝ่ายบริหารเกี่ยวกับนโยบายคริปโทเคอร์เรนซีเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาว่า การวิจัยและความเป็นไปได้ในการพัฒนาเงินดอลลาร์ดิจิทัลถือเป็น "เรื่องเร่งด่วนที่สุด"
ผู้สนับสนุนเหรียญ CBDC กล่าวว่า สกุลเงินดิจิทัลที่มีเฟดหนุนหลังนั้นจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่า เงินดอลลาร์จะยังคงมีอิทธิพลในตลาดโลกมากกว่าสกุลเงินอื่น ๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่หลายประเทศรวมถึงจีนต่างก็ออกสกุลเงินดิจิทัลของตนเอง
อย่างไรก็ดี กลุ่มธุรกิจในวอลล์สตรีทกล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลเสียแทน โดย BPI ระบุในจดหมายลงวันที่ 20 พ.ค.ถึงเฟดว่า สกุลเงินดอลลาร์ดิจิทัลจะทำให้แหล่งเงินทุนหลักสำหรับธนาคารต่าง ๆ ร่อยหรอลง
"CBDC มีแนวโน้มจะทำลายระบบธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐ และทำให้สินเชื่อในระบบเศรษฐกิจขาดแคลนอย่างรุนแรง ด้วยการดึงเงินฝากออกจากธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจตึงตัว" BPI ระบุ