เจพีมอร์แกนเตือนนลท.เตรียมรับเฟดขึ้นดอกเบี้ย-สงครามยูเครนกระทบศก.รุนแรง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 2, 2022 11:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของบริษัทเจพีมอร์แกน เชสกล่าวว่า เจพีมอร์แกนเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจากสงครามในยูเครน พร้อมกับแนะนำให้บรรดานักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตการณ์ดังกล่าวเช่นกัน

"ก่อนหน้านี้ผมเคยเตือนว่าเมฆหมอกของพายุกำลังก่อตัวขึ้น แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนเป็นการเตือนให้ระวังพายุเฮอริเคน ในขณะที่สถานการณ์ดูเหมือนจะราบเรียบนั้น ไม่มีใครรู้ว่าขณะนี้พายุเฮอริเคนเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว ซึ่งอาจมีความรุนแรงเหมือนกับพายุเฮอริเคนแซนดี" นายไดมอนกล่าวในการประชุมทางการเงินซึ่งจัดขึ้นที่นิวยอร์กวานนี้ (1 มิ.ย.) โดยพายุเฮอริเคนแซนดีเป็นพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุดในฤดูพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกปี 2555 ซึ่งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

"คุณต้องเตรียมพร้อมรับมือกับพายุลูกนี้ เจพีมอร์แกนเองก็เตรียมพร้อมเช่นกัน" นายไดมอนกล่าวกับนักวิเคราะห์และนักลงทุนในการประชุมดังกล่าว

ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนักนับตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การที่เฟดยุติใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน และหันมาดำเนินนโยบายคุมเข้มด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดขนาดงบดุลเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากที่หดตัวลง 1.4% ในไตรมาส 1/2565

ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นเริ่มดีดตัวขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะชะลอตัวลง แต่นายไดมอนกล่าวว่า "ท้องฟ้าในขณะนี้ดูเหมือนแจ่มใส ทุกสิ่งดูดีไปหมด และทุกคนคิดว่าเฟดสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ แต่ความจริงแล้วขณะนี้พายุเฮอริเคนกำลังก่อตัว และจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในไม่ช้านี้"

นายไดมอนกล่าวว่า มีสองปัจจัยหลักที่เขารู้สึกกังวล หนึ่งคือ เฟดส่งสัญญาณว่าจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรฉุกเฉินและลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening หรือ QT) และสองคือสงครามในยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ "ธนาคารกลางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน เนื่องจากสภาพคล่องในระบบมีมากเกินไป การดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะขจัดสภาพคล่องบางส่วนออกจากระบบเพื่อหยุดการเก็งกำไร ฉุดราคาบ้านและสินค้าอื่น ๆ ให้ลดลง ส่วนสงครามในยูเครนนั้น กำลังส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงราคาอาหารและเชื้อเพลิง พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง เราคาดว่าผลกระทบจากความขัดแย้งครั้งนี้อาจจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปถึง 150 ดอลลาร์ หรือ 175 ดอลลาร์/บาร์เรล" นายไดมอนกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ