องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งการปิดเมืองและท่าเรือตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน ซึ่งกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ OECD คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.0% ในปีนี้ ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ 4.5% ในเดือนธ.ค.2564
OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.5% ในปีนี้ ส่วนยูโรโซนจะขยายตัว 2.6% และสหราชอาณาจักรขยายตัว 3.6%
OECD ยังเตือนว่าเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่จะได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนอาหารอันเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 4.4% ในปีนี้ ส่วนอินเดียจะขยายตัว 6.9% และบราซิลขยายตัว 0.6%
ส่วนเมื่อวานนี้ ธนาคารโลกได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เช่นกัน โดยปรับลดลงสู่ระดับ 2.9% จากเดิมที่ระดับ 4.1% โดยได้รับผลกระทบจากการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ซึ่งได้ซ้ำเติมความเสียหายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
นายเดวิด มัลพาสส์ ประธานธนาคารโลก กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน, การที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19, ภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งความเสี่ยงของการเกิดภาวะ stagflation ซึ่งเป็นภาวะเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอ่อนแอ แต่เงินเฟ้อพุ่งสูง ซึ่งเคยเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970
ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีการขยายตัวเพียง 2.6% ในปีนี้ และชะลอตัวสู่ 2.2% ในปีหน้า หลังจากพุ่งแตะ 5.1% ในปีที่แล้ว ส่วนเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่จะมีการขยายตัว 3.4% ในปีนี้ หลังจากพุ่งแตะ 6.6% ในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจของยูเครนจะหดตัว 45.1% ในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจรัสเซียหดตัว 8.9%