ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเปิดเผยว่า เศรษฐกิจของรัสเซียจะไม่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับยุคม่านเหล็ก ( Iron Curtain) ในช่วงสงครามเย็น แม้รัสเซียจะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกก็ตาม โดยรัสเซียจะไม่ตัดขาดตัวเองจากสังคมโลกเหมือนอย่างสมัยสหภาพภาพโซเวียต
ชาติตะวันตกได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้รัสเซียที่ใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจรัสเซียหดตัวรุนแรงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2534 ที่สหภาพโซเวียตล่มสลายลง
ทั้งนี้ ปธน.ปูตินตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับข้อตกลงกับจีนและอินเดียขณะที่เศรษฐกิจของรัสเซียถูกปิดกั้น ก่อนที่การประชุมเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อีโคโนมิก ฟอรัม (Petersburg Economic Forum) จะเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์หน้า
"เศรษฐกิจของรัสเซียจะยังคงเปิดต่อไป เราจะไม่มีระบบเศรษฐกิจแบบปิด เราไม่เคยปิดและจะไม่ปิดเศรษฐกิจ" ปธน.ปูตินกล่าวกับผู้ประกอบรุ่นใหม่ในการประชุมทางไกล
"เราไม่มีระบบเศรษฐกิจแบบปิดเหมือนอย่างในยุคสหภาพโซเวียตซึ่งเราตัดขาดออกจากโลก สร้างสิ่งที่เรียกว่า ม่านเหล็ก เราสร้างมันขึ้นมากับมือ แต่จะไม่ทำผิดซ้ำอีก เศรษฐกิจของเราจะเป็นแบบเปิด"
อย่างไรก็ดี ในปี 2548 ปธน.ปูตินในขณะนั้นระบุว่า การล่มสลายของสหภาพโซเวียตเป็นหายนะทางภูมิศาสตร์ครั้งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 เพราะทำให้ชาวรัสเซียหลายสิบล้านคนยากจนลง และรัสเซียเองต้องล่มสลาย
การที่บริษัทและนักลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐและยุโรปพากันออกจากรัสเซีย ทำให้รัฐบาลรัสเซียเบนเข็มออกจากชาติตะวันตก และหันไปพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศและผูกมิตรกับจีน อินเดีย และกลุ่มมหาอำนาจในตะวันออกกลาง
สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจรัสเซียจะหดตัวลง 15% ในปีนี้ และหดตัวลง 3% ในปีหน้า เนื่องจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรที่ชาติตะวันตกบังคับใช้กับรัสเซีย รวมทั้งการที่บริษัทต่างชาติพากันถอนธุรกิจออกจากรัสเซีย, ปัญหาบุคลากรคุณภาพแห่ออกนอกประเทศ และการส่งออกทรุดตัวลง