นายจาฮากีร์ อาซีส หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านตลาดเกิดใหม่ของเจพีมอร์แกนกล่าวว่า อินเดียจำเป็นต้องผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพื่อชดเชยผลกระทบของการที่ธนาคารกลางอินเดียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสองครั้งติดต่อกัน
"การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะช่วยให้เงินเฟ้อชะลอตัวลง แต่ก็จะขัดขวางการขยายตัวของเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้ อินเดียจึงควรใช้มาตรการที่รัดกุมเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตและไม่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นรุนแรงเกินไป" นายอาซีสกล่าว
นายอาซีสยังกล่าวด้วยว่า "ธนาคารกลางอินเดียมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% หลังจากที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่หากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและธนาคารกลางจำเป็นต้องปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก เศรษฐกิจของอินเดียก็อาจจะเผชิญภาวะ Stagflation หรือภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงแต่เงินเฟ้อสูง ด้วยเหตุนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัดกุมจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง"
ธนาคารกลางอินเดียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (repo rate) 0.50% สู่ระดับ 4.90% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมสองเดือนติดต่อกัน โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอินเดียยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีงบประมาณซึ่งสิ้นสุด ณ เดือนมี.ค. สู่ระดับ 6.7% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 5.7% ขณะที่เป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางอยู่ที่ 2% - 6%
ภายใต้กฎหมายของอินเดียนั้น หากเงินเฟ้ออยู่เหนือระดับ 6% ติดต่อกัน 3 ไตรมาส ธนาคารกลางจะต้องส่งจดหมายถึงรัฐบาลเพื่ออธิบายเหตุผลที่ธนาคารกลางไม่สามารถดำเนินการตามเป้าหมาย รวมทั้งต้องนำเสนอมาตรการเพื่อฉุดอัตราเงินเฟ้อให้ลดลงมาอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้