ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวในระหว่างการเยือนมณฑลเสฉวนในวันนี้ว่า รัฐบาลจีนจำเป็นต้องรักษาสมดุลระหว่างการบรรลุเป้าหมายการควบคุมโควิด-19 เป็นศูนย์ และการกระตุ้นเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง เพื่อให้สังคมและเศรษฐกิจของจีนยังคงมีเสถียรภาพ
"เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนต้องยึดมั่นให้กลยุทธ์โควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid) และในขณะเดียวกันก็ควรสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง การดำเนินการตามเป้าหมายทั้งสองนี้มีความจำเป็นต่อการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของจีน โดยการรักษาเสถียรภาพนั้น จะต้องทำอย่างครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งรวมถึงการจ้างงงาน สวัสดิการสังคม และช่วยเหลือประชาชนที่กำลังลำบาก เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้สังคมของจีนมีความมั่นคง" ปธน.สีกล่าว
ถ้อยแถลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของปธน.สีที่ต้องการให้รัฐบาลจีนพยายามลดผลกระทบจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกันก็ต้องการให้รัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า รัฐบาลมีมาตรการที่แข็งแกร่งเพียงพอในการรับมือกับผลกระทบของการล็อกดาวน์
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า จีนจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับ 5.5% ในปีนี้ เนื่องมาตรการคุมโควิดและการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาพรวมเศรษฐกิจ
โกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนปี 2565 ลงสู่ระดับ 4% จากระดับ 4.5% โดยตัวเลขคาดการณ์ใหม่นี้ ต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ที่ 5.5% หลังจากข้อมูลบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจ
นอกจากนี้ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนก็ยอมรับว่า จีนอาจจะพลาดเป้าหมายการผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัว 5.5% ในปีนี้เช่นกัน