นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวในวันนี้ว่า การทรุดตัวลงอย่างหนักของเงินเยนกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอนและทำให้บริษัทเอกชนมีความยากลำบากในการวางแผนธุรกิจ ซึ่งการแสดงความเห็นของผู้ว่าการ BOJ มีหลังหลังจากเงินเยนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 23 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันนี้
นายคุโรดะกล่าวว่า BOJ จะจับตาความเคลื่อนไหวของตลาดปริวรรตเงินตราและผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ โดย BOJ จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นอย่างเต็มที่
"เงินเยนที่ทรุดตัวลงอย่างหนักกำลังทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญกับความไม่แน่นอน และทำให้ภาคเอกชนมีความลำบากในการวางแผนธุรกิจ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ถือเป็นปัจจัยที่ไม่ถึงประสงค์ และหากเงินเยนอ่อนค่าลงมากเกินไป จะส่งผลให้ต้นทุนด้านการลงทุนและค่าแรงปรับตัวสูงขึ้น" นายคุโรดะกล่าว
ทั้งนี้ นายคุโรดะย้ำว่า BOJ จะเดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษต่อไป เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีนโยบายเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อในสหรัฐที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี สวนทางกับ BOJ ที่ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งส่งผลให้ช่องว่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐและญี่ปุ่นกว้างขึ้น
นักลงทุนแห่เทขายเงินเยนอย่างหนักในปีนี้ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนลดการถือครองเงินเยนและหันไปซื้อดอลลาร์ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ขณะที่ BOJ ให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงิน แม้ว่าต้องเผชิญกับการทรุดตัวของเงินเยนก็ตาม