เศรษฐกิจเกาหลีใต้และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกกำลังเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนขับรถบรรทุกในเกาหลีใต้ประท้วงหยุดงานทั่วประเทศ ส่งผลให้บริษัทพอสโค ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ต้องระงับการผลิต ขณะที่ภาคปิโตรเคมีได้รับความเสียหายมากขึ้น
กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้ประเมินว่า อุตสาหกรรมยานยนต์, ปิโตรเคมี, เหล็ก และอุตสาหกรรมหลักอื่น ๆ ประสบปัญหาการผลิตหยุดชะงักจากการหยุดงานประท้วงในครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่าราว 1.6 ล้านล้านวอน (1.2 พันล้านดอลลาร์) โดยทางกระทรวงฯ แถลงในวันนี้ว่า ปัญหาการผลิตจะรุนแรงมากขึ้นในสัปดาห์นี้เนื่องจากหลายบริษัทไม่มีพื้นที่จัดเก็บสินค้าเพิ่มแล้ว
พอสโคเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ทางบริษัทหยุดการผลิตในโรงงานเหล็กลวด 4 แห่งและโรงงานเหล็กแผ่นรีดเย็น 1 แห่งเมื่อเวลา 7.00 น. ของวันนี้ หลังจากที่คนขับรถบรรทุกหยุดงานประท้วงจนพอสโคไม่มีพื้นที่เก็บสินค้า โดยปริมาณการผลิตเหล็กลวดในแต่ละวันจะลดลงประมาณ 7,500 ตัน และเหล็กแผ่นรีดเย็นลดลง 4,500 ตัน
ขณะเดียวกัน สมาคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเกาหลีออกแถลงการณ์เรียกร้องให้คนขับรถยุติการประท้วง โดยกล่าวว่าความเสียหายกำลังเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่การขนส่งจากท่าเรือสำคัญ ๆ เช่น ยูลซาน, ยอซู และแดซานถูกระงับ และการขนส่งสินค้ารายวันลดลงเหลือแค่ประมาณ 10% ของระดับเฉลี่ยที่ 74,000 ตัน
ทั้งนี้ คนขับรถบรรทุกในเกาหลีใต้นัดหยุดงานเข้าสู่วันที่ 7 เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ยกเลิกโครงการค่าแรงขั้นต่ำท่ามกลางราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น นับเป็นหนึ่งในความท้าทายทางเศรษฐกิจครั้งแรกสำหรับนายยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศ การประท้วงครั้งนี้ส่งผลให้การขนส่งรถยนต์, เชื้อเพลิง, เหล็ก และวัสดุสำหรับชิปเซมิคอนดักเตอร์ต้องถูกระงับหรือเลื่อนออกไป ซึ่งเป็นการซ้ำเติมภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกภายหลังการล็อกดาวน์สกัดโควิด-19 ในจีนและการบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย