นายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเปิดเผยวันนี้ (14 มิ.ย.) ว่า จีนจำเป็นต้องยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรออสเตรเลียเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ ขณะเดียวกันก็ยินดีกับการเจรจาครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ระหว่างรัฐมนตรีจากทั้งสองประเทศโดยระบุว่า "เป็นเรื่องดี"
ทั้งนี้ จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย รวมถึงเป็นคู่ค้าคนสำคัญสำหรับแร่เหล็กซึ่งออสเตรเลียเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก แต่ทว่าความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองเริ่มเสื่อมถอยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สำหรับการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร จีนได้ระบุประเด็นที่ข้องใจ 14 ข้อที่มีต่อออสเตรเลีย นับตั้งแต่เรื่องที่เรียกร้องให้มีการสอบสวนต้นตอของโรคโควิด-19, การแบนการสร้างโครงข่ายโทรคมนาคม 5G ของหัวเว่ย (Huawei) ไปจนถึงการคัดกรองการลงทุนจากต่างชาติเพื่อลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของประเทศ
นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในเมืองบริสเบนว่า จีนเป็นฝ่ายที่ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อออสเตรเลีย และจำเป็นต้องยกเลิกมาตรการเหล่านั้นเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์
ทั้งนี้ รัฐบาลชุดก่อนของออสเตรเลียได้นิยามการคว่ำบาตรของจีนต่อสินค้าเกษตรและพลังงานของออสเตรเลียว่าเป็น "การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ" นอกจากนี้ รัฐมนตรีของออสเตรเลียยังไม่สามารถนัดหมายเพื่อหารือกับทางการจีนได้ในช่วงที่ความสัมพันธ์ทางการทูตได้หยุดชะงักลง
อย่างไรก็ดี หลังจากที่นายริชาร์ด มาร์ลส์ รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย ได้พบกับพลเอกเว่ย เฟิ่งเหอ รัฐมนตรีกลาโหมจีนนอกรอบในการประชุม "แชงกรี-ลา ไดอะล็อก" ที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายมาร์ลส์ได้กล่าวถึงการเจรจากันกว่าหนึ่งชั่วโมงในครั้งนี้เอาไว้ว่าเป็น "ก้าวแรกที่สำคัญ"
ขณะเดียวกัน นายอัลบาเนซีได้แสดงความเห็นต่อการพบปะกันของสองรัฐมนตรีว่า "เป็นเรื่องที่ดี" และย้ำถึงความสำคัญของการค้ากับจีนที่มีต่อเศรษฐกิจของออสเตรเลีย