จีนประกาศเพิ่มการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นสองเท่าในเมืองใหญ่ โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมการแพร่ระบาด ขณะที่นายนิโคลัส เบิร์นส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศจีนเตือนว่า จีนอาจจะขยายระยะเวลาการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid) ต่อไปจนถึงปีหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของบริษัทต่างชาติ
เทศบาลกรุงปักกิ่งระบุว่า พนักงานในภาคส่วนหลัก ๆ ซึ่งรวมถึงโรงเรียน โรงพยาบาล และซูเปอร์มาร์เก็ต รวมทั้งพนักงานขับรถส่งของและแม้แต่ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้สนามบินที่มีเที่ยวบินขาเข้านั้น จะต้องเข้ารับการตรวจเชื้อโควิด-19 บ่อยขึ้น ขณะที่นครเซี่ยงไฮ้ประกาศแผนการตรวจเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชนทั้งหมดทุก ๆ สุดสัปดาห์จนถึงสิ้นเดือนก.ค. และหากอาคารที่อยู่อาศัยแห่งใดถูกพบว่ามีผู้ติดเชื้อ ก็จะถูกล็อกดาวน์ทันที
จีนเดินหน้าตรวจเชื้อโควิด-19 ขนานใหญ่ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกซึ่งต่างก็ยุติการใช้มาตรการที่เข้มงวดและอนุญาตให้ประชาชนใช้ชีวิตร่วมกับไวรัสโควิดที่ถือเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) ปักกิ่งพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 22 ราย ขณะที่เซี่ยงไฮ้พบเพียง 4 ราย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในศูนย์กักกันโรคโควิด-19 ของรัฐบาล
นายนิโคลัส เบิร์นส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศจีนเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนมีแนวโน้มที่จะขยายระยะเวลาการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อไปจนถึงปีหน้า ซึ่งนโยบายนี้จะกระทบการลงทุนของสหรัฐและยุโรปในจีน
แม้ว่าตลาดจีนจะมีความสำคัญเกินกว่าที่บริษัทต่างชาติจะย้ายธุรกิจออกไปทั้งหมด แต่นายเบิร์นส์กล่าวว่า จากผลสำรวจความเห็นและการพูดคุยกับหอการค้าสหรัฐประจำประเทศจีนบ่งชี้ว่า บริษัทต่าง ๆ ยังคงไม่มั่นใจที่จะลงทุนเพิ่มเติม อันเนื่องมาจากปัจจัยความไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องข้อจำกัดด้านการเดินทางที่เกี่ยวกับโรคโควิด-19