ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนให้คำมั่นว่าจะผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตตามเป้าหมายในปีนี้ แม้ว่านโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid) ซึ่งรัฐบาลกำหนดขึ้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัย อาจทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามเป้าหมายก็ตาม
ปธน.สีกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม BRICS Business Forum ซึ่งจัดขึ้นทางออนไลน์ในวันพุธ (22 มิ.ย.) โดยระบุว่า จีนจะปรับนโยบายเศรษฐกิจมหภาคให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น และนำมาตรการต่าง ๆ มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมสำหรับปี 2565 และลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ปธน.สียังกล่าวด้วยว่า เป้าหมายในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ของจีนนั้น ไม่เพียงแค่เพื่อป้องกันชีวิตและสุขภาพของประชาชนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างเสถียรภาพของปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมให้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นับเป็นครั้งแรกที่ปธน.สีได้กล่าวถึงเป้าหมายดังกล่าวนับตั้งแต่การประชุมกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์ (โปลิตบูโร) ในเดือนเม.ย.ปีนี้ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า จีนจะพลาดเป้าหมายการเติบโตของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ระดับ 5.5% ในปีนี้ โดยผลสำรวจล่าสุดของสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP จีนในปีนี้ลง 0.40% สู่ระดับ 4.1% และคาดว่า GDP จะหดตัวลงในไตรมาส 2 ปีนี้
ด้านนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่จีนออกนโยบายต่าง ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อกระตุ้นการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ โดยกล่าวว่านโยบายเหล่านี้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจจีนกลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้ง
นอกจากนี้ นายหลี่ยังได้ประกาศมาตรการต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการขยายขอบข่ายการยกเว้นภาษีสำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์พลังงานใหม่ และส่งเสริมตลาดรถยนต์มือสอง โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะผลักดันมูลค่าตลาดรถยนต์และการบริโภคที่เกี่ยวข้องของจีน เพิ่มขึ้นราว 2 แสนล้านหยวน (3 หมื่นล้านดอลลาร์)