ผลสำรวจล่าสุดบ่งชี้ว่า กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์และผู้จัดการกองทุนมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแต่เงินเฟ้อพุ่ง (Stagflation) มากที่สุดภายใน 12 เดือนข้างหน้า พร้อมระบุว่า ภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ไม่น่าพึงพอใจ (Stagnation) เป็นความเสี่ยงระยะยาวของสหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวนำเสนอรายงานของซีเอ็นบีซีที่อ้างอิงข้อมูลแบบสำรวจจากสมาคมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์และตลาดการเงิน ซึ่งระบุว่า 80% ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ทำแบบสำรวจเชื่อว่า ภาวะ stagnation เป็นความเสี่ยงระยะยาวต่อสหรัฐมากยิ่งกว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอย
รายงานยังระบุว่า "ยิ่งไปกว่านั้น ผลสำรวจผู้จัดการกองทุนทั่วโลกของแบงก์ออฟอเมริกา (BOA) ล่าสุดยังเผยถึงความกังวลเรื่องภาวะ Stagflation ซึ่งเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2551"
อนึ่ง Stagflation เป็นคำที่คิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 โดยหมายถึง ภาวะที่อัตราการว่างงานสูง แต่เงินเฟ้อก็สูงด้วย
ขณะเดียวกัน ช่องรายการโทรทัศน์ฟ็อกซ์ บิสซิเนส รายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐกำลังเดิมพันว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ฟ็อกซ์ บิสซิเนส รายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มนักกลยุทธ์จาก BOA โกลบอลรีเสิร์ช ได้ปรับเพิ่มโอกาสที่จะเกิดเศรษฐกิจตกต่ำในปี 2566 ขึ้นเป็น 40% โดย GDP จะชะลอตัวลงเกือบแตะระดับศูนย์ภายในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า