สำนักข่าวรอยเตอร์ออกบทความวิเคราะห์ในวันนี้ว่า ผู้สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในจีนจำนวนกว่า 10.8 ล้านคนกำลังก้าวเข้าสู่ตลาดงานที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
เจนนี่ ไป๋ เป็น 1 ใน 10 สุดยอดนักศึกษาจากสายวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในจีน ที่ได้รับคัดเลือกโดยบริษัทอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่งให้เข้าทำงานเมื่อสำเร็จการศึกษา หลังผ่านการสัมภาษณ์ที่ยากลำบากถึง 4 รอบ
แต่ทว่าเมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทได้ยกเลิกสัญญาดังกล่าวเนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 และสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่
ไป๋ ซึ่งกำลังจะจบการศึกษาในเดือนนี้เปิดเผยว่า เธอรู้สึกกังวลใจอย่างมาก และยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปหากหางานทำไม่ได้
นอกจากนี้ มาตรการสกัดโควิด-19 ของจีนยังส่งผลซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่แล้วจากหลายปัจจัย ทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำ ความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการปราบปรามด้านกฎระเบียบในธุรกิจภาคเทคโนโลยี, การศึกษา รวมถึงภาคส่วนอื่น ๆ
กลุ่มเด็กจบใหม่ของจีนซึ่งมีจำนวนมากกว่าประชากรทั้งหมดของโปรตุเกสกำลังจะเข้าสู่ตลาดงานในช่วงที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งอัตราเยาวชนว่างงานของจีนที่มีอยู่เดิมก็มากกว่าอัตราการว่างงานโดยรวมถึง 3 เท่า สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 18.4%
ทั้งนี้ ภาวะหางานยากนั้นสวนทางกับสิ่งที่คนหนุ่มสาวคาดหวังหลังจากที่เศรษฐกิจจีนเติบโตแรงมาหลายทศวรรษ และเป็นเรื่องน่ากระอักกระอ่วนสำหรับพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเหตุเกิดในปีที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง คาดว่าจะได้เป็นปธน.สมัยที่ 3