ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นช่วงเช้านี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นกว่า 800 จุดเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากตัวเลขคาดการเงินเฟ้อในสหรัฐชะลอตัวลง
มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ผู้บริโภคสหรัฐคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นแตะ 5.3% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยสูงกว่าระดับ 4.2% ที่มีการสำรวจในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ต่ำกว่าระดับ 5.4% ซึ่งเป็นตัวเลขเบื้องต้นที่มีการสำรวจเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว
สำหรับในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะพุ่งแตะระดับ 3.1% โดยสูงกว่าระดับ 2.8% ที่มีการสำรวจในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ต่ำกว่าระดับ 3.3% ซึ่งเป็นตัวเลขเบื้องต้นที่มีการสำรวจเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว และอยู่ในช่วง 2.9-3.1% ที่มีการสำรวจในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา
-- นักลงทุนจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจของรัสเซียอย่างใกล้ชิด หลังมีรายงานว่า รัสเซียผิดนัดชำระหนี้สกุลเงินต่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ศตวรรษ หรือนับตั้งแต่ปี 2461 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ชาติตะวันตกประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งรวมถึงการปิดช่องทางการชำระหนี้ให้กับกลุ่มเจ้าหนี้ต่างประเทศ เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน
ทั้งนี้ รัสเซียมีกำหนดชำระอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในวันอาทิตย์ที่ 26 มิ.ย. และนับจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการชำระอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ซึ่งบ่งชี้ว่า รัสเซียได้ผิดนัดชำระหนี้แล้ว
เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้รัฐบาลรัสเซียชำระหนี้ให้กับผู้ถือพันธบัตรผ่านทางธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐ ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้รัสเซียมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ และถือเป็นการคว่ำบาตรครั้งล่าสุดที่สหรัฐประกาศใช้เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน
-- เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า กลุ่มประเทศ G7 เตรียมสั่งห้ามการนำเข้าทองคำจากรัสเซีย เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน โดยจะมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 28 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุม G7 ที่เยอรมนี
เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุว่า "ทองเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 2 ของรัสเซียรองจากพลังงาน และเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัสเซียและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย โดยมาตรการดังกล่าวพุ่งเป้าลดความสามารถในการทำธุรกรรมของรัสเซียในระบบการเงินโลก"
-- องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง (monkeypox) ครั้งล่าสุดในกว่า 50 ประเทศ ไม่จัดเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) ซึ่งเป็นการเฝ้าระวังระดับสูงสุดของ WHO
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในคณะกรรมการสถานการณ์ฉุกเฉินของ WHO ระบุว่า ยังไม่ควรมองข้ามความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มประชากรที่มากขึ้นกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง
-- ชาวอเมริกันยังคงเดินหน้าชุมนุมประท้วง หลังศาลฎีกาสหรัฐมีมติด้วยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ยกเลิกสิทธิตามรัฐธรรมนูญสำหรับการทำแท้งในสหรัฐ โดยได้กลับคำพิพากษาคดีในปี 2516 ที่รู้จักในชื่อ Roe v Wade ที่อนุญาตให้การทำแท้งเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
สื่อต่างประเทศรายงานว่า มีการประท้วงอย่างน้อย 70 แห่งทั่วทั้งสหรัฐเพื่อคัดค้านคำตัดสินของศาลฎีกาที่ล้มล้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญสำหรับการทำแท้ง โดยประชาชนได้เข้าร่วมการประท้วงในแอตแลนตา, ซานฟรานซิสโก, บอสตัน, ลอสแอนเจลิส, นิวยอร์ก และฮิวสตัน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้แสดงความผิดหวังต่อคำตัดสินของศาล โดยระบุว่า "เป็นวันที่น่าเศร้าสำหรับประเทศของเรา แต่การต่อสู้ยังไม่จบ"
-- คณะกรรมการการศึกษาของกรุงปักกิ่งเปิดเผยว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทุกคนในกรุงปักกิ่งสามารถกลับเข้าชั้นเรียนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ (27 มิ.ย.) เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่วนโรงเรียนอนุบาลจะได้รับอนุญาตให้เปิดทำการได้อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.เป็นต้นไป
ด้านสำนักงานกีฬาแห่งกรุงปักกิ่งเปิดเผยว่า กิจกรรมกีฬาสำหรับเยาวชนสามารถกลับมาดำเนินการได้ในสถานที่ที่ไม่ใช่โรงเรียนในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ในพื้นที่ซึ่งไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อในชุมชนเป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน ยกเว้นสถานที่ในชั้นใต้ดินซึ่งจะยังคงปิดทำการอยู่
สำหรับจำนวนผู้เข้าร่วมงานควรจำกัดไว้ที่ 75% ของความจุปกติ และผู้เข้าร่วมควรแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเข้าร่วมกิจกรรม
ทั้งนี้ กรุงปักกิ่งเป็นหนึ่งในหลายเมืองในจีนที่ใช้มาตรการควบคุมเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนระหว่างเดือนมี.ค.ถึงพ.ค. โดยความพยายามดังกล่าวทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง แต่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของจีน
-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยจีนจะเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ขณะที่ญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ทางด้านสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค. และดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดสาขาดัลลัส