บริษัทไนกี้ ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์กีฬารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2565 แม้บริษัทได้รับผลกระทบจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ควบคุมโควิด-19 ในจีน และการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐที่ชะลอตัวลงก็ตาม
ทั้งนี้ ไนกี้มีกำไรต่อหุ้นในไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ 90 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของเรฟินิทีฟคาดไว้ที่ 81 เซนต์ ส่วนรายได้อยู่ที่ 1.223 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.206 หมื่นล้านดอลลาร์
กำไรสุทธิในไตรมาส 4 ของปีงบการเงินซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 พ.ค. 2565 อยู่ที่ 1.44 พันล้านดอลลาร์ หรือ 90 เซนต์/หุ้น เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบการเงินก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ 1.51 พันล้านดอลลาร์ หรือ 93 เซนต์/หุ้น
ส่วนยอดขายอยู่ที่ระดับ 1.223 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ 1.234 หมื่นล้านดอลลาร์
สำหรับยอดขายในอเมริกาเหนือซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไนกี้ ลดลง 5% สู่ระดับ 5.11 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายในเกรทเทอร์ ไชน่า (Greater China) ซึ่งประกอบด้วยจีน, ฮ่องกง, มาเก๊า และไต้หวัน ลดลง 19% สู่ระดับ 1.56 พันล้านดอลลาร์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบการเงินก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ 1.93 พันล้านดอลลาร์
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ราคาหุ้นไนกี้ร่วงลง 3% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้าวันนี้ แม้บริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และนับจนถึงปิดตลาดในวันจันทร์ (27 มิ.ย.) ราคาหุ้นไนกี้ดิ่งลงไปแล้วประมาณ 34% ตั้งแต่ต้นปีนี้ ส่วนมูลค่าตลาดของไนกี้ในขณะนี้อยู่ที่ 1.739 แสนล้านดอลลาร์
ไนกี้คาดการณ์ว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2566 จะทรงตัวจนถึงขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่บริษัทยังคงต้องรับมือกับภาวะชะงักงันที่เกิดขึ้นเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเกรทเทอร์ ไชน่า