เชนอนาไลซิสระบุว่า รูปแบบการจารกรรมครั้งล่าสุดนี้คล้ายคลึงกับที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มั่นใจว่าเป็นฝีมือของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ
ขณะที่นายนิค คาร์ลสัน อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ของสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์ของบริษัททีอาร์เอ็ม แล็บส์ (TRM Labs) ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนคริปโทฯ มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า เมื่อดูจากพฤติการณ์แล้ว เชื่อว่าแฮกเกอร์เกาหลีเหนือเป็นผู้ก่อเหตุอย่างแน่นอน
ด้านบริษัทเอลลิพติก (Elliptic) ซึ่งเป็นบริษัทติดตามการจารกรรมคริปโทฯ อีกแห่งหนึ่งกล่าวว่า มีหลักฐานมากมายที่ทำให้เชื่อได้ว่า ลาซารัสกรุ๊ป ทำการจารกรรมคริปโทฯ ไปจากโฮไรซอน บริดจ์ โดยพิจารณาจากลักษณะในการจารกรรม และการฟอกเงินคริปโทฯ ที่ขโมยมา
"แฮกเกอร์พยายามเจาะด่านที่สร้างขึ้นเพื่อปิดกั้นการจารกรรม เมื่อเจาะได้แล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอาคริปโทฯ ออกไปจากแพลตฟอร์ม" เอลลิพติกกล่าว
ทั้งนี้ เชนอนาไลซิสระบุว่า หากข้อสันนิษฐานดังกล่าวได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ก็เท่ากับว่าลาซารัส กรุ๊ป ได้ทำการจารกรรมคริปโทฯ ไปแล้วถึง 8 ครั้งในปีนี้ คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1 พันล้านดอลลาร์ ส่วนการจารกรรมครั้งล่าสุดนี้ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% ของคริปโทฯ ทั้งหมดที่จารกรรมในปี 2565
ข้อมูลของกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า เกาหลีเหนือได้ระดมทรัพยากรเพื่อสนับสนุนการจารกรรมคริปโทฯ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อใช้เป็นทุนสนับสนุนโครงการขีปนาวุธ
ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์เชื่อว่า เกาหลีเหนือพยายามใช้คริปโทฯ เป็นช่องทางในการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐในหลายโอกาส และมีความเป็นไปได้ว่า เกาหลีเหนืออาจใช้คริปโทฯ เพื่อช่วยเหลือรัสเซียในการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรในระหว่างการทำสงครามกับยูเครนด้วยเช่นกัน