บิตคอยน์ร่วงลงใกล้หลุดระดับ 19,000 ดอลลาร์ ต่ำกว่าระดับ 700,000 บาทในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ณ เวลา 18.58 น.ตามเวลาไทย บิตคอยน์ดิ่งลง 5.56% สู่ระดับ 19,073.88 ดอลลาร์ หรือราว 675,000 บาท ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase
ทั้งนี้ บิตคอยน์เคยพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2564 หรือกว่า 2,400,000 บาท
นักลงทุนกังวลว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดขนาดงบดุลจะฉุดสภาพคล่องในตลาด และส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย หลังจากที่หดตัว 1.6% ในไตรมาส 1/65 ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยืนยันวานนี้ว่า เฟดจะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงก็ตาม
ด้านบริษัทแปซิฟิก อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์ โค หรือพิมโค ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ระบุเตือนว่า สหรัฐอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่ยุโรปมีแนวโน้มเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากกว่าสหรัฐ
นอกจากนี้ บิตคอยน์ยังได้รับผลกระทบจากการที่เซลเซียส เน็ตเวิร์กส์ (Celsius Networks) ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มปล่อยกู้คริปโทเคอร์เรนซีใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศระงับการให้บริการด้านการถอน การแลกเปลี่ยน และการโอนระหว่างบัญชีทั้งหมดเป็นชั่วคราว เนื่องจากตลาดประสบความผันผวนอย่างหนัก
ทางด้านบริษัททรี แอโรว์ส แคปิตอล (Three Arrows Capital หรือ 3AC) ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของสิงคโปร์ที่เน้นลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี ผิดนัดชำระหนี้เงินกู้มูลค่ากว่า 670 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ บริษัทวอยเอเจอร์ ดิจิทัล (Voyager Digital) ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลยืนยันว่า 3AC ไม่สามารถชำระคืนเงินกู้จำนวน 350 ล้านดอลลาร์ในรูป USD Coin (USDC) ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่ตรึงมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐ และเงินกู้ในรูปเหรียญบิตคอยน์จำนวน 15,250 เหรียญ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าในขณะนี้ประมาณ 323 ล้านดอลลาร์
3AC ประสบปัญหาการเงินจนไม่สามารถชำระหนี้ หลังจากตลาดคริปโทฯ เผชิญภาวะผันผวนอย่างหนักเป็นเวลานานถึง 3 สัปดาห์ ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตลาดสกุลเงินดิจิทัลลดลงถึงหลายแสนล้านดอลลาร์ โดยขณะนี้มูลค่ารวมของตลาดคริปโทฯ อยู่ที่ 9.50 แสนล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับสูงสุดที่ 3 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งเคยทำไว้ในเดือนพ.ย.2564