สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ อาจจะประกาศยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางส่วนจากจีนภายในสัปดาห์นี้ รวมทั้งประกาศมาตรการตรวจสอบการอุดหนุนภาคอุตสาหกรรมซึ่งอาจนำไปสู่การเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากหลายภาคส่วน ซึ่งรวมถึงธุรกิจเทคโนโลยี
แหล่งข่าวระบุว่า ปธน.ไบเดนยังไม่ได้ตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายเกี่ยวกับการระงับภาษีนำเข้าสินค้าจีน ซึ่งหากมีการบังคับใช้ ก็ถือเป็นย่างก้าวแรกที่สำคัญของการใช้นโยบายด้านความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดนได้จัดการประชุมหลายครั้งร่วมกับคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจ เพื่อหารือเกี่ยวกับทางเลือกในการตัดสินใจที่จะยกเลิกมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนซึ่งอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ริเริ่ม
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า คณะบริหารของปธน.ไบเดนกำลังพิจารณาผ่อนปรนภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งกดดันให้เจ้าหน้าที่สหรัฐพยายามหาทางที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าที่ผู้บริโภคใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ในช่วงกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าผู้บริโภคในสหรัฐ พร้อมกับกล่าวว่า ทำเนียบขาวกำลังทบทวนมาตรการเก็บภาษีนำเข้าที่อดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์เคยบังคับใช้ และมีแนวโน้มที่จะยกเลิกทั้งหมด เนื่องจากการกำหนดภาษีนำเข้าได้ส่งผลให้ราคาสินค้าทุกประเภทปรับตัวสูงขึ้น ตั้งแต่ผ้าอ้อมเด็กไปจนถึงเสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์
ทั้งนี้ อดีตปธน.ทรัมป์ประกาศสงครามการค้ากับจีนด้วยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมาเป็นเวลานาน โดยมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมสินค้าที่ผลิตโดยอเมริกัน
ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์กำลังอภิปรายกันว่า การยกเลิกมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจะช่วยบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐได้ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนมองว่า การผ่อนปรนหรือการยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าทั้งหมดนั้น อาจเป็นหนึ่งในทางเลือกเพียงไม่กี่ทางที่ทำเนียบขาวจำเป็นจะต้องทำ เพื่อฉุดต้นทุนสินค้าทุกประเภทให้ลดลง