ศรีลังกาเตรียมยุติการอัดฉีดเงินรูปีเข้าสู่ระบบ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดกั้นเงินเฟ้อซึ่งกำลังพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง โดยนายรานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรีศรีลังกาแถลงต่อรัฐสภาในวันนี้ว่า เงินเฟ้อในศรีลังกาอาจจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 60%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังศรีลังกาขาดแคลนเงินดอลลาร์เพื่อจ่ายค่าเชื้อเพลิง และต้องพิมพ์เงินรูปีเพื่อจ่ายเงินเดือนให้กับข้าราชการ จนทำให้เงินเฟ้อพุ่งแรง โดยราคาผู้บริโภคพุ่งขึ้นถึง 54.6% ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ต้นทุนค่าขนส่งทะยานขึ้นถึง 128% และค่าอาหารพุ่งขึ้น 80% อันเป็นผลจากการขาดแคลนพืชผลและน้ำมันดิบ
นายกรัฐมนตรีศรีลังกาคาดการณ์ว่า ศรีลังกาน่าจะบรรลุข้อตกลงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ในเดือนส.ค. ล่าช้าจากที่เคยกำหนดเส้นตายไว้ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยการเจรจาเรื่องเงินช่วยเหลือกับ IMF มีความซับซ้อนเพราะศรีลังกาประสบกับภาวะล้มละลาย
ทั้งนี้ ศรีลังกาซึ่งมีประชากร 22 ล้านคนกำลังเผชิญวิกฤติการเงินครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 2491 โดยไม่สามารถจ่ายค่าน้ำมันได้ และถูกบังคับให้ต้องผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศบางส่วน
นอกจากนี้ ศรีลังกายังได้กำหนดข้อจำกัดด้านเชื้อเพลิง โดยจำกัดให้ใช้สำหรับบริการสาธารณะ เช่น รถไฟและรถประจำทาง และส่วนที่เกี่ยวข้องกับด้านสาธารณสุข โดยข้อกำหนดดังกล่าวจะดำเนินไปนาน 2 สัปดาห์