สถาบันการเงินและการพัฒนาแห่งชาติ (NIFD) ของจีนเปิดเผยว่า หนี้สินของจีนมีแนวโน้มจะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้เนื่องจากธนาคารกลางจีนพยายามที่จะเพิ่มสินเชื่อและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
จาง เสี่ยวจิง ผู้อำนวยการ NIFD คาดการณ์ว่า อัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ (Leverage Ratio) โดยรวม ซึ่งคำนวณสัดส่วนหนี้สินทั้งหมดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะเพิ่มขึ้น 11.3% แตะที่ประมาณ 275% ในปีนี้ โดยได้รับแรงกดดันหลักจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
นายจางกล่าวว่า "ความสามารถในการชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้นชั่วคราวจะไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงมากเกินไป จุดยืนของธนาคารกลางคืองบดุลยังคงต้องขยายตัว และเศรษฐกิจจำเป็นต้องมีสามารถในการชำระหนี้มากขึ้น"
อย่างไรก็ตาม นายจางยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อของจีนในปีนี้ เนื่องจากการจำนองไม่น่าจะหดตัวอย่างต่อเนื่อง และนายจางคาดการณ์ว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้หลังหักภาษีของครัวเรือน (household leverage) จะเพิ่มขึ้น 2-3%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนกำลังพยายามที่จะควบคุมความสามารถในการชำระหนี้ไว้นับตั้งแต่ปี 2560 หลังการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งก่อนทำให้หนี้สินและความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้นในระบบเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจีนได้ระงับโครงการดังกล่าวไว้ชั่วคราวในปี 2563 เมื่อมีการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดย NIFD ประเมินว่าอัตราส่วนหนี้สินเพิ่มขึ้น 23.6% ในปีนี้