บริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐเปิดเผยรายงานเมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ระบุว่า ยอดขายรถยนต์รายไตรมาสในจีนย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มต้นขึ้น ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศจีนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และยังคงเผชิญกับปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอย่างต่อเนื่องด้วย
GM ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ในดีทรอยต์เปิดเผยว่า บริษัทจำหน่ายรถยนต์ได้ 484,200 คัน นับตั้งแต่เดือนเม.ษ.-มิ.ย.ในจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลกของ GM โดยยอดขายลดลง 35.5% จากปีก่อน และต่ำที่สุดนับตั้งแต่ยอดขายอยู่ที่ 461,700 คันในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่มาตรการคุมเข้มโรคโควิด-19 ของรัฐบาลทำให้การผลิตในจีนหยุดชะงัก
รายงานของ GM ระบุว่า บริษัทรถยนต์ของ GM ในจีน "มุ่งเน้นไปที่การกลับมาผลิต และดำเนินการอีกครั้ง" ซึ่งยอดขายของบริษัทในจีนได้รับการเปิดเผยภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่ GM เตือนนักลงทุนว่า ปัญหาด้านซัพพลายเชนอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2 ขณะที่ยังคงคาดการณ์เดิมสำหรับผลประกอบการทั้งปี 2565
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า นายติง ลู่ หัวหน้านักวิเคราะห์ของบริษัทโนมูระในจีนระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันของจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงผู้ที่ไม่มีอาการนั้น ได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนเพียงไม่กี่ราย ไปอยู่ที่ราว 200 หรือ 300 รายใหม่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนเมืองที่จำกัดการเดินทางเคลื่อนย้ายเพิ่มขึ้น 2 เท่าภายใน 1 สัปดาห์ โดยมาอยู่ที่ 11 เมือง จาก 5 เมืองในสัปดาห์ก่อนหน้า