สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ วางแผนที่จะชะลอการจ้างงานและชะลอการใช้จ่ายในบางหน่วยงานในปีหน้า เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง
แผนการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า แอปเปิลซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลกนั้น ปรับตัวตามบริษัทอื่น ๆ ของสหรัฐที่กำลังชะลอการจ้างงานในขณะนี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ และเทสลา อิงค์
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นแอปเปิลปิดตลาดร่วงลงกว่า 2% และเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐพลิกกลับมาเคลื่อนไหวในแดนลบในช่วงท้ายตลาดก่อนที่จะปิดร่วงลงกว่า 200 จุดในวันจันทร์ (18 ก.ค.)
อย่างไรก็ดี บลูมเบิร์กรายงานว่า แผนการชะลอจ้างงานและการลงทุนของแอปเปิลจะไม่ส่งผลกระทบต่อทุกทีมงานในบริษัท และแอปเปิลยังคงมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ตามกำหนดการที่วางไว้ในปี 2566 รวมถึงอุปกรณ์กึ่งเสมือนจริง
คิม ฟอร์เรสต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนจากบริษัทโบเกห์ แคปิตอล พาร์เทเนอร์สในเมืองพิทส์เบิร์กของสหรัฐกล่าวว่า "ความเคลื่อนไหวของแอปเปิลสะท้อนให้เห็นว่า บริษัทเอกชนกำลังชะลอการลงทุนเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในสิ่งใหม่ บริษัทใหม่ และผลิตภัณฑ์ใหม่"
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ภาคเอกชนมีความวิตกกังวลมากขึ้นว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อยังทำให้เกิดความกังวลว่าผู้บริโภคอาจจะควบคุมการใช้จ่ายในสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น สมาร์ตโฟน
ข้อมูลจากคานาลิส (Canalys) ระบุว่า ยอดการจัดส่งสมาร์ตโฟนทั่วโลกปรับตัวลง 9% ในไตรมาส 2 โดยผลิตภัณฑ์ iPhone ของแอปเปิลยังคงครองส่วนแบ่งตลาดอันดับสองของโลกที่ 17% รองจากบริษัทซัมซุงซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในโลก