นายโอเล็กซานเดอร์ คูบราคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน เปิดเผยผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ยูเครนจะเดินหน้าเตรียมการทางเทคนิคเพื่อรองรับการส่งออกสินค้าเกษตรจากท่าเรือของยูเครนต่อไป ตามข้อตกลงที่มีขึ้นเพื่อบรรเทาภาวะขาดแคลนอาหาร
อย่างไรก็ดี การส่งออกของยูเครนอาจจะได้รับผลกระทบหนัก หากรัสเซียยิงขีปนาวุธอีก หลังจากที่รัสเซียเพิ่งยิงขีปนาวุธถล่มท่าเรือเมืองโอเดสซาทางภาคใต้ของยูเครนไปเมื่อวันเสาร์ (23 ก.ค.) ซึ่งอาจเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงที่ลงนามกันเมื่อวันศุกร์ (22 ก.ค.) เพื่อส่งออกธัญพืชที่ตกค้างอยู่ที่ท่าเรือในทะเลดำและคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ด้านอาหาร
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ตอบโต้การโจมตีดังกล่าวว่าเป็น "ความป่าเถื่อน" แบบโจ่งแจ้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่อาจไว้วางใจรัสเซียได้ว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลง
ทั้งนี้ รัสเซียและยูเครนได้ลงนามในข้อตกลงส่งออกธัญพืชเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยปธน.เรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี และนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม ข้อตกลงดังกล่าวเป็นไปเพื่อช่วยคลี่คลายวิกฤตอาหารทั่วโลกโดยอนุญาตให้ส่งออกธัญพืชจากท่าเรือในทะเลดำ รวมถึงท่าเรือโอเดสซา
ข้อตกลงฉบับนี้จะช่วยฟื้นฟูการส่งออกธัญพืชจากยูเครนและรัสเซีย ซึ่งต่างก็เป็นผู้ส่งออกข้าวสาลี ข้าวโพด น้ำมันพืช และปุ๋ยรายใหญ่ของโลก รวมทั้งช่วยคลี่คลายปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ด้านอาหาร โดยจะทำให้มีการระบายธัญพืชของยูเครนจำนวนมากกว่า 20 ล้านตันซึ่งยังคงตกค้างอยู่ที่ท่าเรือในทะเลดำ นับตั้งแต่ที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในเดือนก.พ.
อย่างไรก็ดี ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดียูเครนเตือนว่า การที่รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มท่าเรือเมืองโอเดสซาเป็นการส่งสัญญาณว่าหนทางอาจไม่ราบรื่นเท่าที่ควร โดยยูเครนอาจส่งออกธัญพืชได้ 60 ล้านตันในช่วง 9 เดือนหน้า แต่หากการดำเนินการที่ท่าเรือเกิดติดขัดแล้วก็อาจใช้เวลาถึง 24 เดือน