บริษัทวอลมาร์ท ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในไตรมาส 2 และผลกำไรตลอดปี 2565 โดยระบุว่า ภาวะเงินเฟ้อกำลังส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายสินค้าจำพวกเสื้อผ้าและเครื่องไฟฟ้า และหันไปใช้จ่ายเฉพาะสินค้าที่จำเป็น เช่น อาหาร
ทั้งนี้ วอลมาร์ทซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และได้รับการพิจารณาว่าเป็นบริษัทที่มีผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐเปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 จะลดลงราว 8% - 9% และคาดว่ากำไรต่อหุ้นในปีงบการเงิน 2565 จะลดลงราว 11% - 13% จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่ากำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 จะขยับขึ้นเล็กน้อย และกำไรต่อหุ้นในปี 2565 จะลดลงเพียง 1%
วอลมาร์ทเปิดเผยว่า จำนวนลูกค้าที่เข้าซื้อสินค้าในห้างวอลมาร์ทมีจำนวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทจำหน่ายสินค้าในราคาต่ำ โดยลูกค้าส่วนใหญ่เข้ามาซื้อสินค้าจำพวกอาหารที่จำเป็นเพื่อตุนเอาไว้รับประทาน แต่ลดการใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพ
การปรับลดคาดการณ์ผลกำไรดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นวอลมาร์ทร่วงลงกว่า 9% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้านี้ และได้ฉุดราคาหุ้นบริษัทค้าปลีกรายอื่นดิ่งลงด้วย โดยหุ้นทาร์เก็ตร่วงลงกว่า 6% หุ้นแอมะซอนปรับตัวลงกว่า 3% ขณะที่หุ้นเมซีส์, หุ้นโคห์ลส์ และหุ้นนอร์ดสตรอม ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 3%
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บริษัทวอลมาร์ทมีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในวันที่ 16 ส.ค.นี้