สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ในการประชุมผู้ถือหุ้นเทสลาประจำปี 2565 เมื่อวันพฤหัสบดี (4 ส.ค.) กลุ่มนักลงทุนได้สอบถามนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาเกี่ยวกับแผนการใช้จ่ายของบริษัทในปีต่อ ๆ ไป และเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
นายมัสก์พูดติดตลกว่า "การคาดการณ์เศรษฐกิจมหภาคเป็นสูตรสร้างภัยพิบัติ" อย่างไรก็ตาม นายมัสก์ได้ประเมินว่า "เราผ่านพ้นจุดสูงสุดของเงินเฟ้อแล้ว" และมีแนวโน้มที่จะพบกับ "ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ค่อนข้างไม่รุนแรง" เป็นระยะเวลานานประมาณ 18 เดือน
นายมัสก์อ้างการวิเคราะห์เศรษฐกิจของตนเองเทียบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเทสลาต้องจ่ายค่าวัสดุและสินค้าที่จำเป็นเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
"เรามีข้อมูลเชิงลึกพอสมควรว่า ราคาสิ่งของต่าง ๆ จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพราะเมื่อคุณผลิตรถยนต์หลายล้านคัน คุณต้องซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือนก่อนถึงเวลาที่จำเป็นต้องใช้" นายมัสก์กล่าว
ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 นั้น สงครามรัสเซีย-ยูเครนและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน ส่งผลกระทบต่อโรงงานของเทสลาในเซี่ยงไฮ้ และทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเกิดภาวะขาดแคลนชิ้นส่วนและปัญหาด้านแรงงานตลอดทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์
นายมัสก์ยังถูกถามด้วยว่า เทสลามีแผนการใช้เงินในปีต่อ ๆ ไปอย่างไร โดยนายมัสก์ระบุว่า เทสลาจะให้ความสำคัญกับการเพิ่มรายจ่ายในการลงทุน รวมถึงการวิจัยและพัฒนา "ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่ให้สูญเปล่า" พร้อมเสริมว่า "อาจมีการซื้อหุ้นคืน" โดยขึ้นอยู่กับว่ากระแสเงินสดของเทสลาในอนาคตจะเป็นอย่างไร
นายมัสก์กล่าวว่า เขายังไม่รับปากที่จะซื้อหุ้นเทสลาคืนในตอนนี้ และเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นที่อื่นอาจเปลี่ยนแปลงเรื่องดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม นายมัสก์ย้ำว่า หากกระแสเงินสดในอนาคตของเทสลาดูแข็งแกร่ง และโลกค่อนข้างมีเสถียรภาพ เมื่อนั้นก็จะมีการพิจารณาเรื่องซื้อหุ้นคืน