นางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ และตัวเก็งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ กล่าวในวันนี้ว่า ตนจะทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ และตรึงอัตราภาษีให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจซบเซา หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เตือนว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะถดถอยยาวนานกว่า 1 ปี
"สิ่งสำคัญที่สุดคือการผลักดันให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะถดถอย เราจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้น โดยดิฉันจะปฏิรูปเศรษฐกิจและทำให้อัตราภาษีอยู่ในระดับต่ำ" นางทรัสส์กล่าว
นอกจากนี้ นางทรัสส์ยังกล่าวว่า ตนจะใช้งบประมาณฉุกเฉินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอังกฤษ
"หากได้รับโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี ดิฉันจะใช้งบประมาณฉุกเฉินเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ และเยียวยาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยเราต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ด้านค่าครองชีพ" นางทรัสส์กล่าว
นางทรัสส์ยังให้คำมั่นที่จะทำการปรับลดอัตราภาษี หากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่
ทั้งนี้ สมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมทั่วประเทศจำนวนราว 200,000 คนจะลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่แทนนายบอริส จอห์นสัน และจะมีการประกาศรายชื่อผู้ชนะในวันที่ 5 ก.ย. ซึ่งผู้ชนะจะเป็นผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ และจะเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษโดยอัตโนมัติ เนื่องจากพรรคอนุรักษ์นิยมครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ โดยจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของอังกฤษในรอบ 6 ปี
ผลสำรวจพบว่า นางทรัสส์มีคะแนนนำนายริชิ ซูแนค อดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษ ซึ่งเป็นคู่แข่ง และหากนางทรัสส์ประสบชัยชนะก็จะทำให้กลายเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ
ทั้งนี้ BoE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 1.75% ในการประชุมวานนี้ โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 27 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2538 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ BoE ออกแถลงการณ์เตือนว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2565 จนถึงสิ้นปี 2566
BoE ระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยนานถึง 5 ไตรมาส ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจโลกเผชิญวิกฤตการเงิน โดยรายได้ในภาคครัวเรือนของอังกฤษจะทรุดตัวลงอย่างหนักในปี 2565-2566 ขณะที่การบริโภคเริ่มหดตัว
ขณะเดียวกัน BoE คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 13.3% ในเดือนต.ค.2565 และจะยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดปี 2566 ก่อนที่จะปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมายของ BoE ที่ 2% ในปี 2568