นักลงทุนต่างชาติแห่ซื้อพันธบัตรระยะยาวของญี่ปุ่นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ลดน้อยลงว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ กองทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อตราสารหนี้ญี่ปุ่นสุทธิที่ 5.06 ล้านล้านเยน (3.74 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น สวนทางกับการขายสุทธิ 4.1 ล้านล้านเยนในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นตัวเลขขายสุทธิครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 เนื่องจาก BOJ ยึดมั่นต่อการคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ, ควบคุมเพดานอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอ้างอิงที่ 0.25% และการซื้อสินทรัพย์ในปริมาณสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนที่ผ่านมา
ตลาดตราสารหนี้ของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากการเก็งกำไรในปีนี้ เนื่องจากเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นทั่วโลกจะกดดันให้ BOJ ปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน แต่ขณะนี้ความวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อทำให้เกิดความกังวลว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อทั่วโลกจะบั่นทอนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงของญี่ปุ่นลดลงแตะ 0.175% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้นเหนือเป้าหมาย 0.25% ของ BOJ ในเดือนมิ.ย.
"นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นในเดือนก.ค. เพราะผลตอบแทนเริ่มมีเสถียรภาพ" นายมาซาฟุมิ ยามาโมโตะ หัวหน้านักกลยุทธ์เงินตราบริษัทมิซุโฮ ซีเคียวริตี้ โคกล่าว "ความเป็นไปได้ที่ลดน้อยลงเกี่ยวกับการยุติการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล และกระแสคาดการณ์ที่ว่านักลงทุนญี่ปุ่นจะหวนคืนสู่ตลาดภายในประเทศนั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยที่หนุนแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ"