นายไมเคิล โนโวแกรทซ์ มหาเศรษฐีนักลงทุนด้านคริปโทเคอร์เรนซี และผู้บริหารบริษัทกาแล็กซี ดิจิทัล โฮลดิงส์คาดการณ์ว่า ราคาบิตคอยน์จะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ และอาจจะยังไม่สามารถพุ่งขึ้นทะลุระดับ 30,000 ดอลลาร์ได้ในระยะใกล้นี้ และยังระบุด้วยว่า นักลงทุนสถาบันไม่ได้เข้ามาลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีอย่างมีนัยสำคัญ
"ถ้าถามว่าบิตคอยน์จะพุ่งขึ้นทะลุระดับ 30,000 ดอลลาร์หรือไม่ ผมไม่มั่นใจ และผมคิดว่าราคาบิตคอยน์จะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ผมพูดจากใจจริงว่า แค่บิตคอยน์ยังเคลื่อนไหวในกรอบ 20,000-22,000 ดอลลาร์ ผมก็พอใจแล้ว ขณะนี้เรายังไม่เห็นว่ามีนักลงทุนเข้ามาลงทุนครั้งใหญ่ในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี แต่ในทำนองเดียวกัน ผมก็ยังไม่เห็นว่ามีใครจะถอยออกจากตลาดนี้" นายโนโวแกรทซ์ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก
นอกจากนี้ นายโนโวแกรทซ์กล่าวว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้เขาไม่คิดว่าราคาบิตคอยน์จะพุ่งขึ้นไปถึงระดับเดียวกับในปี 2564 หรือในปี 2560
เมื่อไม่นานมานี้ นายโนโวแกรทซ์กล่าวในการประชุม "Piper Sandler Global Exchanges & Brokerage Conference" ที่รัฐนิวยอร์กว่า เขาคาดว่า 2 ใน 3 ของเฮดจ์ฟันด์ที่ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีจะล้มละลาย เนื่องจากการทรุดตัวของตลาดคริปโทฯ
นายโนโวแกรทซ์ยังกล่าวด้วยว่า การที่ตลาดการเงินมีปฏิกิริยาเป็นวงกว้างต่อการที่เฟดตัดสินใจถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาคริปโทฯ ทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยราคาบิตคอยน์ทรุดฮวบลงกว่า 50% จากสถิติสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนพ.ย. 2564 นอกจากนี้ นายโนโวแกรทซ์กล่าวว่า การล่มสลายของบล็อกเชนเทอร์รา (Terra) ซึ่งเขาและบริษัทกาแล็กซีลงทุนด้วยนั้น เกิดจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาค
ทั้งนี้ นายโนโวแกรทซ์คาดการณ์ว่า ความผันผวนในตลาดคริปโทฯ อาจจะเกิดขึ้นต่อไปอีกระยะหนึ่ง และสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจมหภาคยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความท้าทาย แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เขาเชื่อว่าคริปโทฯ จะไม่ล่มสลายในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยเขาแนะนำให้นักลงทุนยังคงเข้าซื้อคริปโทฯ ควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยง โดยอาจจัดสรรการลงทุนคริปโทฯ ประมาณ 1% - 5% ของสินทรัพย์ที่ถือครองอยู่