นักวิเคราะห์คาดเงินบาทฟื้นตัวแข็งแกร่ง รับอานิสงส์ต่างชาติแห่เที่ยวไทย

สกุลเงินบาทของไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจของไทย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินบาททะยานขึ้น 4.6% แตะที่ 35.3 บาทต่อดอลลาร์ในเดือนส.ค. ส่งผลให้เงินบาทพุ่งแซงหน้าค่าเงินสกุลอื่น ๆ ในเอเชียอย่างมีนัยสำคัญ โดยนอกเหนือจากการคาดการณ์เกี่ยวกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นแล้ว การที่ไทยมียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดลดน้อยลงจากผลพวงของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงนั้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนค่าเงินบาท

การพุ่งขึ้นของค่าเงินบาทสะท้อนให้เห็นว่า ขณะนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นทะลุระดับ 35.2 บาทต่อดอลลาร์ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้สำหรับไตรมาส 4/2565 แล้ว

"เราคาดการณ์ว่าเงินบาทจะปรับตัวขึ้นอีก" นายมิตทูล โคเทชา หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตลาดเกิดใหม่ของบริษัททีดี ซีเคียวริตี้ในสิงคโปร์กล่าว พร้อมเสริมว่า ปัจจัยที่ทำให้เงินบาทฟื้นตัวนั้น มาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์, การเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สัญญาณการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น

นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.1% ในไตรมาส 2/2565 หลังจากขยายตัว 2.2% ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา

เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ โฆษกรัฐบาลไทยเปิดเผยว่า ไทยมีแนวโน้มต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 10 ล้านคนในปีนี้ เทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 6.1 ล้านคน ส่วนในปีหน้า คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าจำนวน 40 ล้านคนในช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับไทย เมื่อพิจารณาจากการที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีสัดส่วนราว 1 ใน 5 ของระบบเศรษฐกิจก่อนที่โรคโควิด-19 จะแพร่ระบาด

นายคามักชยา ทรีเวดี นักกลยุทธ์การลงทุนของของโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า โกลด์แมน แซคส์ ยังคงคาดการณ์ว่าเงินบาทมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง และคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เงินบาทจะทำผลงานแข็งแกร่งกว่าสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น เนื่องจากการท่องเที่ยวฟื้นตัว, ราคาน้ำมันปรับตัวลง และค่าระวางเรือที่ลดลง