นางเอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครตแสดงความรู้สึกวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีความเสี่ยงที่จะทำให้ประชาชนต้องตกงาน
"คุณทราบไหมว่าอะไรที่เลวร้ายกว่าสินค้าราคาแพงและภาวะเศรษฐกิจแข็งแกร่ง? คำตอบคือ สินค้าราคาแพง แต่ประชาชนหลายล้านคนต้องตกงานยังไงล่ะ ดิฉันวิตกกังวลมากว่าเฟดจะนำพาเศรษฐกิจประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย" นางวอร์เรนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นในวันอาทิตย์ (28 ส.ค.)
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดออกโรงเตือนในวันศุกร์ที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ชาวอเมริกันกำลังเผชิญช่วงเวลาอันยากลำบากจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และความเป็นไปได้ที่จะเกิดปัญหาว่างงานเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
นายพาวเวลระบุว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามความจำเป็น และจะคงตรึงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้สักพัก เพื่อฉุดเงินเฟ้อลง หลังจากเงินเฟ้อเคลื่อนไหวสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟดถึงกว่า 3 เท่าตัว
"ความหมายของนายพาวเวลคือประชาชนต้องตกงาน และธุรกิจรายย่อยต้องปิดตัวลง เพราะอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนในการกู้ยืมเงินเพิ่มสูงขึ้น" นางวอร์เรนกล่าว โดยมุมมองทางเศรษฐกิจของนางวอร์เรนนั้นมักมีอิทธิพลในกลุ่มสมาชิกพรรคเดโมแครตหัวก้าวหน้า
นางวอร์เรนกล่าวว่า ปัญหาเงินเฟ้อสูงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
"นายพาวเวลยอมรับขณะแถลงต่อสภาคองเกรสว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเครื่องมือนโยบายการเงินของนายพาวเวลนั้นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อโดยตรง" นางวอร์เรนกล่าว