เว็บไซต์ข่าวโพลิติโกรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวเมื่อวันจันทร์ (29 ส.ค.) ว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐวางแผนที่จะเสนอให้สภาคองเกรสอนุมัติการขายอาวุธมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ให้กับไต้หวัน ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธต่อต้านเรือจำนวน 60 ลูก และขีปนาวุธแบบอากาศสู่อากาศจำนวน 100 ลูก ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดเพิ่มขึ้นกับจีน
-- ประธานาธิบดีรานิล วิกรมสิงเหแห่งศรีลังกาจะปรับลดค่าใช้จ่ายด้านกลาโหม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในการเสนองบประมาณครั้งแรกของเขานับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ขณะที่ศรีลังกาเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
-- ฮอนด้า มอเตอร์ของญี่ปุ่นและแอลจี เอเนอร์จี โซลูชันของเกาหลีใต้เปิดเผยในวันจันทร์ (29 ส.ค.) ว่า ได้วางแผนที่จะลงทุน 4.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรีใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐ
-- ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย ประกาศเปิดตัว Quick Response Code Indonesian Standard (QRIS) ซึ่งเป็นระบบ QR Code ที่จะเชื่อมโยงระบบการชำระเงินภายในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
ปธน.วิโดโดแสดงความเชื่อมั่นว่าระบบ QRIS จะเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมทั้งภาคการท่องเที่ยว เพื่อให้มีการผลิตสินค้าและบริการซึ่งมีคุณภาพที่แข่งขันได้ในตลาดโลก
-- นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนก.ย. หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ให้คำมั่นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 74.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 25.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
-- ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า ธนาคารกลางอินเดียได้เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราในวันนี้ โดยได้เทขายดอลลาร์เพื่อหนุนค่าเงินรูปี หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ รูปีดิ่งลงสู่ระดับ 80.12 เทียบดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนที่จะฟื้นตัวปิดตลาดที่ระดับ 79.9625
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า รูปียังคงมีทิศทางอ่อนค่าลง และธนาคารกลางอินเดียจะลดการเข้าแทรกแซงตลาด และปล่อยให้รูปีปรับตัวตามกลไกตลาด ท่ามกลางการแข็งค่าของดอลลาร์
-- ดัชนีชี้วัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปพุ่งขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต่างยืนยันว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แม้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ดัชนี CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้น 7.98% สู่ระดับ 27.61 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.
ส่วนดัชนี STOXX 50 volatility index ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป ดีดตัวขึ้น 2.7 จุด สู่ระดับ 29.606 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ญี่ปุ่นเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ค., ออสเตรเลียเปิดเผยตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค., อียูเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค., เยอรมนีเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. (ประมาณการเบื้องต้น) และสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย.โดยเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ และตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.ค.