ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยสภาธุรกิจสหรัฐ-จีน (US-China Business Council) พบว่า มุมมองเชิงบวกที่บริษัทสหรัฐมีต่อจีนนั้น ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากมาตรการโควิดเป็นศูนย์ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ส่งผลให้บริษัทจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจในประเทศจีน ต้องชะลอหรือยกเลิกการลงทุนในจีน
ผลสำรวจระบุว่า การใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับบริษัทสหรัฐที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนมากกว่าความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ โดยบรรดาบริษัทที่เข้าร่วมการสำรวจครั้งนี้ มีเพียง 51% เท่านั้นที่แสดงมุมมองด้านบวกต่อแนวโน้มธุรกิจในระยะเวลา 5 ปีในประเทศจีน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวลดลงจาก 69% ในการสำรวจเมื่อปีที่แล้ว
สภาธุรกิจสหรัฐ-จีน ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนตัวแทนของบริษัทสหรัฐกว่า 270 แห่งที่ดำเนินธุรกิจในจีนระบุว่า "มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าบริษัทสหรัฐในจีนจะถูกบังคับให้ต้องระงับการผลิตบางส่วนภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ และการใช้มาตรการควบคุมนี้จะส่งผลกระต่ออุปสงค์ของผู้บริโภค ซึ่งจะบั่นทอนความเชื่อมั่นด้านการลงทุนในภาคธุรกิจ โดยบริษัทสหรัฐจำนวนมากถึง 96% ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์คุมโควิด และมีบริษัทมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ต้องระงับหรือเลื่อนแผนการลงทุนในจีนออกไป"
นอกจากนี้ ผลการสำรวจระบุว่า การลงทุนใหม่โดยบริษัทสหรัฐในจีนนั้นคาดว่าจะชะลอตัวลงในปี 2566 เนื่องจากผลกระทบของมาตรการควบคุมโควิด-19 และนโยบายอื่น ๆ ของจีน ซึ่งรวมถึงมาตรการด้านข้อมูลและความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความยากลำบากในการขายผลิตภัณฑ์ให้กับหน่วยงานของรัฐ