กระทรวงการคลังจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า จีนจะใช้มาตรการกระตุ้นอุปสงค์ รวมทั้งสร้างเสถียรภาพด้านเงินเฟ้อและการจ้างงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ
การให้คำมั่นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่คณะรัฐมนตรีจีนเพิ่งประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งครอบคลุมถึงการจัดสรรเงินทุนให้กับธนาคารนโยบายของรัฐ (State Policy Banks)
"จีนจะใช้พันธบัตรพิเศษของรัฐบาลท้องถิ่นเป็นเครื่องมือที่ก่อให้เกิดประโยชน์ และสนับสนุนการใช้เครื่องมือในการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ธนาคารนโยบายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้" กระทรวงการคลังจีนระบุในแถลงการณ์บนเว็บไซต์
กระทรวงการคลังจีนยังระบุด้วยว่า รายได้ด้านการคลังของจีนปรับตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. เนื่องจากจีนผ่อนคลายความเข้มงวดในการควบคุมโรคโควิด-19 โดยใน 25 จังหวัดของจีนมีรายได้เพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย. หลังจากรายได้ชะลอตัวลงในเดือนเม.ย.และพ.ค.เนื่องจากการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านหยวน (1.46 แสนล้านดอลลาร์) โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งลดผลกระทบจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 และการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งคณะรัฐมนตรีจีนออกแถลงการณ์ล่าสุดครอบคลุมถึงการจัดสรรเงินทุนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ให้กับธนาคารนโยบายของรัฐ เพื่อให้ธนาคารเหล่านี้นำเงินไปลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดสรรเงินให้กับรัฐบาลท้องถิ่นมูลค่ารวม 5 แสนล้านหยวนเพื่อใช้ในการออกพันธบัตรพิเศษ
ทั้งนี้ การที่จีนยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นเวลานานนับปีนั้น ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง และอาจทำให้รัฐบาลจีนพลาดเป้าหมายการผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต 5.5% ในปีนี้