นครเฉิงตูสั่งล็อกดาวน์ประชาชน 21 ล้านคนตั้งแต่คืนนี้ (1 ก.ย.) เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในภาคตะวันตกของจีน หลังจากที่แทบไม่เคยได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาก่อน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คำสั่งล่าสุดนี้ถือเป็นการปิดเมืองขนาดใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่การล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ต่อเนื่อง 2 เดือนในปีนี้ โดยการตัดสินใจดังกล่าวตอกย้ำถึงการยึดมั่นต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แม้จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ของประชาชนกว่า 20 ล้านคนและเศรษฐกิจโลก
การล็อกดาวน์เฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวนมีขึ้นหลังการรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 157 คนในวันพุธ (31 ส.ค.) โดยเฉิงตูคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1.7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีน เนื่องจากเป็นฐานการผลิตของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ซึ่งรวมถึงโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป และโฟล์กสวาเกนประจำประเทศจีน
ขณะที่ฟ็อกซ์คอน์ เทคโนโลยี กรุ๊ป ผู้ประกอบไอโฟนและอุปกรณ์อื่น ๆ ให้กับแอปเปิล อิงค์นั้น ดำเนินการผลิตไอแพดอยู่ในเฉิงตู ส่วนอินเทล คอร์ป และบริษัทต่างชาติอื่น ๆ ก็มีโรงงานในเมืองเฉิงตูเช่นเดียวกัน
รัฐบาลเฉิงตูประกาศว่าจะเริ่มต้นตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชนตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ โดยประชาชนต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านแบบไม่มีกำหนด เว้นแต่เกิดสถานการณ์เร่งด่วน เช่น เหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพ นอกจากนี้ แต่ละครอบครัวถูกจำกัดให้สามารถส่งตัวแทนหนึ่งคนออกไปจับจ่ายซื้อสินค้าจำเป็นได้เพียงวันละหนึ่งครั้ง และประชาชนจะสามารถเดินทางออกนอกเมืองได้ก็ต่อเมื่อแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบภายในเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ปัจจุบัน มณฑลเสฉวนกำลังประสบปัญหาภัยแล้งจากคลื่นความร้อนครั้งรุนแรงเป็นประวัติการณ์ จนเกิดเป็นวิกฤตขาดแคลนพลังงานและต้องจำกัดการใช้ไฟฟ้าของกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตในพื้นที่